ดาราขบถ เดนนิส ฮอปเปอร์ สิ้นใจในวัย 74
แม้จะต้องต่อสู้กับการเสพยาและการหย่าร้างถึง 5 ครั้งตลอดชีวิตของเขา แต่ เดนนิส ฮอปเปอร์ ก็กลายเป็นที่จดจำของวงการในฐานะผู้ปลดปล่อยฮอลลีวูดไปสู่วิถีการสร้างภาพยนตร์อย่างเสรีชนธูปและดอกไม้ที่มาประดับบนดวงดวงที่ 2,403 บนถนน Hollywood Walk of Frame ถือเป็นการไว้อาลัยให้แก่การจากไป เดนนิส ฮอปเปอร์ ที่เมื่อ 2 เดือนที่แล้วเพิ่งจะมาปรากฏตัวในงานแม้สภาพร่างกายจะอ่อนแอจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะสุดท้ายที่ตรวจพบเมื่อปลายปีก่อน โดยมีเพื่อนฝูงในวงการมาร่วมเป็นสักขีพยานมากมาย ก่อนที่โรคร้ายจะคร่าชีวิตเขาไปใน 2 เดือนต่อมาในวัย 74 ปีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เดนนิส ฮอปเปอร์ มีชื่อเสียงในวงการครั้งแรกในปี 1956 จากการเล่นหนัง 2 เรื่องสุดท้ายร่วมกับ เจมส์ ดีน ใน Rebel Without a Cause และ Giant จนกระทั่งในปี 1969 เขาได้สร้างผลงานที่กลายเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของอเมริกาในเรื่อง Easy Rider ภาพยนตร์ที่เขากำกับและร่วมแสดงกับ ปีเตอร์ ฟอนด้า ในบท 2 นักบิดที่ออกเดินทางไปทั่วตอนใต้ของสหรัฐฯเพื่อค้นหาความหมายของอิสรภาพในช่วงเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยบุปผาชน เป็นผลงานที่วิพากษ์สังคมอเมริกันได้อย่างลึก กลายเป็นเบ้าหลอมให้กับหนังสไตล์ road movie ในยุคต่อๆ มา
แต่เส้นทางอาชีพของฮอปเปอร์ต้องเจอกับอุปสรรคจากพฤติกรรมการเสพยาอย่างต่อเนื่องของเขา เช่นที่ปรากฏในผลงานปี 1979 อย่าง Apocalypse Now ที่อาการเมายาของเขาเห็นได้จากบทนักข่าวจอมพี้ยาในเรื่องนี้
หลังจากเข้ารับการบำบัดด้านการเสพยาและสุรา ฮอปเปอร์ก็กลับมาผลงานอีกครั้งในยุค 80 ในบทวายร้ายที่ยอดเยี่ยมใน Blue Velvet จนเข้าสู่ยุค 90 ฮอปเปอร์ยังคุ้นตาแฟนหนังในบทวายร้ายอีกหลายๆ เรื่องทั้ง Speed และ Waterworld
นอกจากการแสดงแล้ว ฮอปเปอร์ยังเป็นศิลปินที่ขึ้นชื่อในเรื่องการวาดภาพ, ถ่ายภาพ และประติมากรรม
ฮอปเปอร์เข้าชิงออสการ์ 2 ครั้งจากงานเขียนบทในเรื่อง Easy Rider และการแสดงจากเรื่อง Hoosiers ในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม