ห่วงแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารก่อขัดแย้งเพิ่มขึ้น

การผลักดันแผนการบริหารจัดการปราสาทพระวิหารเข้าที่สู่ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก กลายเป็นที่ถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง และเป็นห่วงว่า จะเพิ่มความขัดแย้งมากกว่าเพิ่มสันติภาพตามเจตนารมณ์ของการจดทะเบียนมรดกโลก ขณะที่มีความเป็นไปได้ว่า “สุวิทย์” รมว.ทรัพย์ฯ จะวอล์กเอาท์จากห้องประชุม เพื่อค้านการลงมติแผนดังกล่าว
อนุสัญญามรดกโลก มาตรา 11 (3) ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า การพิจารณาบรรจุทรัพย์สมบัติหรือทรัพย์สินที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและมรดกทางธรรมชาติ ให้อยู่ใน "บัญชีรายชื่อมรดกโลก" จะต้องได้รับการยินยอมจากรัฐภาคีที่เกี่ยวข้อง กรณีทรัพย์นั้นมีที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตหรืออำนาจอธิปไตยมากกว่า 1 รัฐ จะต้องไม่เป็นเหตุให้เกิดการโต้แย้งจากรัฐภาคีที่เกี่ยวข้อง แต่ท่าทีของคณะกรรมการมรดกโลก และยูเนสโกในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการ ที่สนับสนุนการขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา รวมถึงผลักดันแผนการบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งนำเอาพื้นที่ของไทย 4.6 ตารางกิโลเมตรรวมไว้ด้วย เข้าสู่ที่ประชุม ที่กรุงบราซีเลีย ประเทศบราซิล ถูกตั้งข้อสังเกตจากหลายฝ่าย ว่าสวนทางกับอนุสัญญาดังกล่าว และขัดต่อเจตนารมณ์ของยูเนสโกที่มุ่งเน้นการสร้างสันติภาพของประเทศสมาชิก

การประท้วงด้วยการประกาศจุดยืน และเดินออกจากห้องประชุมหรือวอล์กเอาท์ เป็นมติที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะตัวแทนฝ่ายไทย ดำเนินการได้ทันที หากที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาและขอเสียงลงมติโดยไม่รับฟังคำคัดค้านจากไทย รวมถึงอาจมีการพิจารณาถอนตัวจากการเป็นสมาชิกภาคียูเนสโกด้วย

ศ.อดุล วิเชียรเจริญ อดีตประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ระบุว่า หากไทยถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลก จะไม่ทำให้มติใดๆ ที่เกิดจากการประชุม มาบังคับให้ไทยต้องดำเนินการตามได้ รวมถึงจะไม่ส่งผลกระทบกับมรดกโลก 5 แห่งของไทย ที่เคยได้รับการประกาศไว้แล้ว

ขณะที่ท่าทีล่าสุดจากองค์การยูเนสโก ภายหลังภาคประชาชนของไทย นำโดยพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยื่นหนังสือคัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาไปเมื่อวันที่ 27 ก.ค. นางไอรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ได้ออกแถลงการณ์ว่า การสนับสนุนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร และแผนการบริหารจัดการพื้นที่ของกัมพูชา เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ

คงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า หากคณะกรรมการมรดกโลกยืนยันจะผลักดันแผนการบริหารจัดการพื้นที่ของกัมพูชาเข้าสู่ที่ประชุม ในขณะที่ยังมีกรณีพิพาทกับไทย และไทยแสดงจุดยืนคัดค้านอย่างเป็นทางการ จะทำให้ยูเนสโกยังคงเจตนารมณ์สร้างสันติภาพได้หรือไม่