ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

มองชีวิต-สังคมผ่าน "เพลงภาษาชาวบ้าน"

มองชีวิต-สังคมผ่าน "เพลงภาษาชาวบ้าน"

ความที่คนไทยไม่ทิ้งนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอนนับแต่อดีต จึงมีผลผลิตจากความคิดอิสระ อย่างเพลงพื้นบ้าน ที่ทำให้เห็นการมองชีวิต มองสังคมระดับชาวบ้าน และผันจากการล้อมวงเล่นเพื่อความเพลินเพลิน มาสู่เส้นทางลูกทุ่งอาชีพ นี่เป็นพัฒนาการทางภาษา ที่เหล่าคนในวงการเพลงพื้นบ้านให้ความสนใจ จนนำมาให้ความรู้ในงาน เพลงภาษาชาวบ้าน

การชิงไหวชิงพริบระหว่างฝ่ายชายหญิงที่คิดคำร้องโต้ตอบกันเป็นความสนุกสนานที่ทั้งผู้เล่นและผู้ชมมักได้รับจากการเล่นเพลงฉ่อยในทุกยุค ที่ครั้งนี้สายเลือดใหม่ของวงการเพลงพื้นบ้าน จากวิทยาลัยนาฏศิลป์สุพรรณบุรี นำมาสาธิตบนเวทีเพลงภาษาชาวบ้าน เพื่อถ่ายทอดวิวัฒนาการของภาษาในบทเพลง

การเล่นคำและเพิ่มสำนวนร้องใหม่ๆ ไม่เพียงมีส่วนแต่งเติมเนื้อหาให้มีความร่วมสมัย แต่ยังบ่งบอกคุณลักษณะของเพลงพื้นบ้าน ที่แม้จะมาจากคำธรรมดาในภาษาพูด แต่คมคายไพเราะ เพราะมีการเล่นสัมผัสอักษร ซึ่งต่อมาพัฒนามาเป็นบทเพลงลูกทุ่ง

ชัยวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต นักเขียน กล่าวว่า ภาษาเพลงลูกทุ่งจะง่ายๆ เป็นวิวัฒนาการหนึ่งของเมืองไทยที่เกิดขึ้นใหม่ โดยผ่านกระบวนการเพลงพื้นบ้าน คำว่าเพลงลูกทุ่งพึ่งมาเกิดเมื่อ พ.ศ.2504 แต่เพลงลูกทุ่งคือเพลงที่อยู่กับสังคมปัจจุบัน บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนของความเป็นมนุษย์พูดคุยกันเข้าใจง่าย สื่อสารง่าย

วรรณา แก้วกว้าง อาจารย์วิทยาลัยนาฎศิลปสุพรรณบุรี กล่าวว่า เสน่ห์จากภาษา มีสัมผัส เรียนรู้ฉันทลักษณ์ได้ด้วยตนเอง ทำนองการร้องมีเอกลักษณ์ การใช้ประกอบการแสดง นักดนตรีพื้นบ้าน ท่าทางภาษาเพลง น่าชมน่าสนใจ

ความสามารถที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักถ่ายทอดบทเพลงแต่ชินกร ไกรลาศ ศิลปินแห่งชาติ ยังแสดงภูมิความรู้ในด้านการใช้ภาษาและให้จังหวะดนตรีในฐานะนักแต่งเพลงควบคู่ไปด้วย เป็นตัวอย่างการทำงานเต็มศักยภาพของบรมครูเพลงยุคก่อน นำมาสะท้อนภาพแนวทางการทำงานเพลงที่ต้องเชี่ยวชาญรอบด้าน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินรุ่นใหม่

ชินกร ไกรลาศ ศิลปินแห่งชาติ กล่าวว่า นักร้องทั่วไป ถ้าร้องเป็นอย่างเดียว ส่วนใหญ่ก็จะรองาน เพราะมันมีความรู้เท่ากันหมด คนนั้นร้องได้ คนนี้ร้องได้ แต่ว่าถ้าจะเอาความสามารถเฉพาะไม่เหมือนใครอย่างผมก็ต้องผมคนเดียว อยากจะหาคนร้องอีแซวก็ต้องแม่ขวัญจิต ทำขวัญนาคร้องเพลงสากลปนไทยเดิมก็ต้อง ชินกร ไกรลาศ

รศ. สุกัญญา ภัทราชัย นักวิชาการด้านภาษาไทย กล่าวว่า ศิลปินรุ่นใหม่อ่านหนังสือน้อย คำก็ไม่ได้ ไม่สามารถเป็นเจ้าภาษาได้ ตรงนี้เราจะเห็นว่ามันต่างกันไป อย่างเพลงลูกทุ่ง สมัยปัจจุบันมันต่างเพราะว่าคนแต่เป็นคนหนึ่ง คนร้องก็เป็นคนหนึ่ง การแต่งคำนึงถึงดนตรีนำ ไม่ได้เอาเสียงร้องนำ เสียงต้องตามดนตรี ถ้าเป็นเพลงสมัยก่อนเสียงของศิลปินเป็นตัวนำดนตรีตามเพราะมีทำนองไม่กี่ทำนอง

ชั้นเชิงที่ใช้ในงานประพันธ์ และปฏิภาณทางภาษาของชาวบ้าน ไม่เพียงชุบชีวิตให้กับบทเพลงพื้นบ้าน อย่างเพลงลำตัด เพลงฉ่อย เพลงอีแซว หรือแม้แต่เพลงแหล่ ให้เป็นดังวรรณกรรมความรู้สึก ที่ใช้รสของถ้อยคำบอกเล่าสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ วัฒนธรรม ที่อาจเปลี่ยนตามยุคสมัย บทเพลงแต่ละรูปแบบยังถือเป็นเครื่องมือสื่อถึงภูมิปัญญากลุ่มชนแต่ละท้องถิ่นอีกด้วย


แท็กที่เกี่ยวข้อง: