จากกรณี ประชาชนร้องเรียนปัญหาการจราจรติดขัดย่านประตูน้ำ โดยมีสาเหตุจากการขายของริมทางฟุตบาท จน กทม.มีมติเร่งจัดระเบียบย่านประตูน้ำ
วันนี้ (1 มี.ค. 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้ากว่า 100 แผง ที่อยู่นอกเขตผ่อนผันให้ขายของในฝั่ง ถ.เพชรบุรี กังวลถึงการจัดระเบียบครั้งนี้ เพราะแม้ทาง กทม. และสำนักงานเขตราชเทวี จะผ่อนผันให้จำหน่ายสินค้าได้ในช่วงเวลา 10.00-22.00 น. โดยต้องขายในพื้นที่เส้นเหลืองเท่านั้น แต่ผู้ค้าบางคนไม่สามารขายที่เดิมได้ และจำเป็นต้องหาพื้นที่ใหม่
“เราไม่มีเงินก้อนใหญ่ที่จะเข้าไปอยู่ในห้าง อย่าง พัลลาเดียม วอเตอร์เกต หรือแพลตตินัม เพราะต้องมีเงินทุนเป็นล้านบาทคอยหมุนเวียน และยังมีการเก็บเงินล่วงหน้า ซึ่งรวมแล้วเป็นค้าใช้จ่ายที่สูงในขณะที่เราเป็นคนจน ซึ่งปกติหากขายบนแผงริมจะเสียค่าเช่าที่เพียง 5,000 บาทต่อเดือน หรือบางคนไม่เสียเลยก็มี ดังนั้น จึงไม่มีใครอยากไปจากตรงนี้ ถ้ามีก็คงน้อยมาก” ผู้ค้าย่านประตูน้ำ ระบุ
นอกจากผู้ค้าแผงลอยแล้ว ผู้ค้าในห้างสรรพสินค้าก็เป็นกังวลต่อการจัดระเบียบการค้าขายริมทางเช่นกัน โดยผู้ค้ารายหนึ่ง บอกว่า การค้าขายแบบแผงลอยถือเป็นสัญลักษณ์ของประตูน้ำ และเป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาซื้อของ เพราะเมื่อซื้อที่แผงลอยแล้วก็จะแวะมาซื้อในห้างด้วย
ขณะที่ ผู้บริโภค มองว่า ปัญหาแผงลอยที่มีอยู่เต็ม 2 ข้างทาง บน ถ.ราชปารภ และ ถ.เพชรบุรี เป็นความสะดวกของผู้ซื้อและยังเป็นเสน่ห์ของประตูน้ำ หากมีการจัดระเบียบจริงเสน่ห์ตรงนี้ก็จะหายไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดระเบียบย่านประตูน้ำที่จะเกิดขึ้นใน 2 ฝั่งถนน ทั้ง ถ.ราชปรารถ และถ.เพชรบุรี ทาง กทม.อยู่ระหว่างการหาพื้นที่รองรับผู้ค้าที่ถูกยกเลิกจุดผ่อนผันให้ค้าขาย เพื่อจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบมากนัก