วันนี้ (10 มี.ค.2559) นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล โฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยกรณีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 9/2559 ว่า คำสั่งนี้จะช่วยให้การก่อสร้างโครงการสำคัญๆ ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทำให้ประชาชนและประเทศเสียประโยชน์ ซึ่งที่ผ่านมา กระบวนการพิจารณารายงาน EIA ใช้ระยะเวลา 1-2 ปี แต่คำสั่งนี้จะช่วยให้การจัดทำทีโออาร์โครงการ ประกวดราคาหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการต่างๆ ทำคู่ขนานกันไปได้ โดยไม่ต้องรอการพิจารณา EIA
นายสุพจน์ กล่าวว่า แม้จะมีหลายโครงการที่ยังติดขั้นตอนพิจารณา EIA แต่แนวทางจากนี้ หน่วยงานรัฐต้องคัดเลือกโครงการที่เห็นว่าสำคัญที่สุดใน 5 ประเภทตามคำสั่ง คสช.คือด้านคมนาคมขนส่ง, ชลประทาน, การป้องกันสาธารณภัย, โรงพยาบาล และที่อยู่อาศัย เพื่อเร่งดำเนินการให้ประชาชนได้รับประโยชน์
ส่วนประเด็นที่ให้จัดหาเอกชนเข้ามาดำเนินการไปก่อนควบคู่กับการพิจารณา EIA และหากการพิจารณา EIA ไม่ผ่านจะมีผลให้เอกชนฟ้องร้องหรือไม่นั้น ภาคเอกชนที่เข้ารับงานต้องตอบรับเงื่อนไขในการสงวนสิทธิ์ไม่ฟ้องร้องผู้ว่าจ้าง หากการพิจารณา EIA ไม่ผ่าน ซึ่งตามคำสั่ง คสช.ระบุชัดเจนว่าจะไม่มีสามารถลงนามสัญญาได้ หาก EIA ไม่ผ่าน
นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กล่าวว่า กระบวนการพิจารณา EIA ยังคงดำเนินการอย่างเข้มข้นตามหลักวิชาการ ซึ่งทุกโครงการต้องผ่านขั้นตอนนี้ แต่มีเพียงบางโครงการ โดยเฉพาะด้านคมนาคม เช่น การก่อสร้างรถไฟฟ้ารางคู่, การก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายสาย, โครงการเพื่อที่อยู่อาศัย เช่น แฟลตดินแดง รวมถึงการจัดระเบียบที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนที่รุกล้ำริมคลองสาธารณะ จะสามารถเร่งดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ นอกจากนี้ คำสั่ง คสช.ฉบับนี้ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนหรือผู้รับเหมารายใด และไม่ใช่การกดดันให้ต้องเร่งรัดกระบวนการพิจารณา EIA