วันนี้ (18 มี.ค.2559) โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ประณามเกาหลีเหนือหลังยิงขีปนาวุธ เมื่อเวลา 05.55 น. ตามเวลาท้องถิ่น ว่า เป็นภัยคุกคามอย่างรุนแรงต่อสันติภาพและความปลอดภัยบนคาบสมุทรเกาหลี และเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี)
ขณะที่โฆษกกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ ระบุว่า การคุกคามที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลดีต่อเกาหลีเหนือเอง รวมไปถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนืออีกด้วย ซึ่งเกาหลีเหนือควรหันไปให้ความสนใจต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนมากกว่า
ด้านสำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่า คณะเสนาธิการร่วม ระบุว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ จำนวน 2 ลูก เพื่อตอบโต้กรณีที่เกาหลีใต้ซ้อมรบร่วมกับสหรัฐอเมริกา โดยขีปนาวุธลูกแรก ถูกยิงจากเมืองซุคชอนทางตะวันตกของเกาหลีเหนือ ระยะทางประมาณ 800 กิโลเมตร และไปตกในทะเลตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่เขตป้องกันภัยทางอากาศของญี่ปุ่น คณะเสนาธิการร่วมเชื่อว่าขีปนาวุธลูกนี้ อาจเป็นขีปนาวุธพิสัยกลางรุ่นโรดอง ซึ่งมีรัศมีการยิงไกล 1,300 กิโลเมตร
หลังจากนั้นอีก 22 นาที เรดาร์ของกองทัพเกาหลีใต้ตรวจจับขีปนาวุธลูกที่ 2 ได้ โดยถูกยิงจากจุดเดิม แต่เรดาร์ไม่สามารถตรวจจับสัญญาณของขีปนาวุธได้อีก หลังจากขีปนาวุธถูกยิงพุ่งขึ้นสู่ความสูงประมาณ 17 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อว่าขีปนาวุธลูกนี้อาจระเบิดกลางอากาศก่อนตกสู่เป้าหมาย
ด้านนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประณามเกาหลีเหนืออย่างรุนแรงกรณียิงขีปนาวุธครั้งล่าสุด พร้อมยืนยันว่าขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับเรือของญี่ปุ่นที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และรัฐบาลญี่ปุ่นเชื่อมั่นว่าจะตอบโต้กลับได้ในทุกสถานการณ์
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ จำนวน 2 ลูก ตกลงในทะเลเช่นกัน ขณะที่นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ สั่งการให้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการโจมตีของเกาหลีเหนือ