จนท.ปิดสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า ห้ามเยี่ยม-ทำข่าวเสือของกลางจากวัดป่าหลวงตาบัว หลังเกิดอาการเครียด

สิ่งแวดล้อม
5 มิ.ย. 59
20:21
407
Logo Thai PBS
จนท.ปิดสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า ห้ามเยี่ยม-ทำข่าวเสือของกลางจากวัดป่าหลวงตาบัว หลังเกิดอาการเครียด
เจ้าหน้าที่คุมเข้มไม่ให้คนนอก-สื่อมวลชนเข้าทำข่าว หลังเสือของกลางที่ย้ายจากวัดป่าหลวงตาบัว จ.กาญจนบุรี ไปสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าที่ จ.ราชบุรี เกิดอาการเครียด ด้าน รอง ผอ.พศ. ระบุ หากเจ้าอาวาสวัดหลวงตาบัวไม่ได้รับการประกันตัวต้องสละสมณเพศทันที

วันนี้ (5 มิ.ย. 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เสือโคร่ง 3 ตัวสุดท้าย ถูกขนย้ายไปถึงสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี แล้ว โดยเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ทำการตรวจสุขภาพหลังจากเสือฟื้นจากยาสลบ แต่ในระยะแรกยังพบว่าเสือโคร่งมีอาการเครียดจากการเปลี่ยนที่อยู่ใหม่และจะต้องปรับตัวกับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล

ทำให้หลังจากย้ายเสือโคร่ง 137 ตัว ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กำชับเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า ไม่อนุญาตให้คนนอกและสื่อมวลชนเข้าทำข่าว เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับเสือโคร่งที่ยังอยู่ในช่วงของการปรับตัว

นายบรรพต มาลีหวล หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง กล่าวว่า การดูแลในช่วงแรกจะมีสัตวแพทย์เข้ามาติดตามพฤติกรรมและสุขภาพเบื้องต้น เพราะตามปกติของสัตว์ป่าเมื่อมีการย้ายที่อาศัย มักมีความเครียดและยังไม่ไว้วางใจสถานที่จึงมีพฤติกรรมขู่คำราม ต้องสร้างบรรยากาศให้เสือโคร่งรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจเจ้าหน้าที่ จึงไม่ต้องการให้คนภายนอกรบกวนเสือโคร่งในช่วงที่กำลังปรับตัว เช่นเดียวกับที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสนก็ไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามาเช่นกัน ทำให้ต่อจากนี้จะไม่เปิดสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าทั้ง 2 แห่ง ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม

นายบรรพต กล่าวต่ออีกว่า แต่ประชาชนทั่วไปสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลเสือโคร่งของกลางทั้ง 137 ตัวได้ ผ่านโครงการพ่อแม่อุปถัมป์สัตว์ป่าในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า ธนาคารกรุงไทย บัญชีกระแสรายวัน เลขบัญชี 980 - 216 -5379

ขณะที่ นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
(พศ.) กล่าวว่า การยื่นเรื่องขอใช้ที่ดินสร้างวัดตามหลักจะขอใช้ได้เพียง 15 ไร่ แต่จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่าวัดป่าหลวงตาบัวมีพื้นที่กว่า 300 ไร่ ซึ่งทางวัดอาจมีข้อตกลงกับ ส.ป.ก.เพื่อขอดูแลที่ดินดังกล่าว

นายชยพล กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้หาก ส.ป.ก.ตรวจพบการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของวัดผิดวัตถุประสงค์ อาจต้องพิจารณาย้ายพื้นที่วัดและคืนที่ให้กับ ส.ป.ก. แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับรายละเอีย ว่าทาง ส.ป.ก.จะมีแนวทางอย่างไร อาจเสนอให้ย้ายวัด หรือให้ปรับเปลี่ยน แก้ไข การใช้ประโยชน์ที่ดินให้ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ พศ.ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ

“ส่วนการดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดนั้น หากมารับทราบข้อกล่าวหาและได้รับการประกันตัว ก็ยังสามารถชี้แจงและสู้คดีต่อได้ แต่หากไม่ได้รับการประกันตัวมีผลให้พระรูปนั้นต้องสละสมณเพศทันที” รอง ผอ.พศ. ระบุ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง