Thailand Web Stat
ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เอกชนห่วงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับกระทบเอสเอ็มอี

เศรษฐกิจ
06:16
458
เอกชนห่วงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับกระทบเอสเอ็มอี
ส.อ.ท.ห่วงการตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับ อาจกระทบผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม แต่อาจช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนแรงงานในบางอุตสาหกรรม พร้อมระบุว่าบริษัทเอกชนตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น

วันนี้ (4 ต.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ หรือ กบช. ซึ่งจะบังคับให้ผู้ประกอบการทุกรายตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับลูกจ้าง เพื่อสร้างหลักประกันการออมรองรับวัยเกษียณ เบื้องต้นจะบังคับสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 รายขึ้นไป เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยจะให้นายจ้างและลูกจ้างจ่ายสมทบเงินเข้ากองทุนฝ่ายละร้อยละ 3 ใน 3 ปีแรก และจะเพิ่มเป็นฝ่ายละร้อยละ 5 และร้อยละ 7 ในปีถัดไป คาดว่ากฎหมายจะบังคับใช้ในปี 2561

วัลลภ วิตนากร รองประสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า ปัจจุบัน มีสถานประกอบการที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประมาณร้อยละ 10 เท่านั้น ส่วนใหญ่ เป็นสถานประกอบการขนาดใหญ่ พร้อมเป็นห่วงว่า การตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับจะกระทบต้นทุนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี แต่เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยรักษาแรงงานในองค์กรและบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางอุตสาหกรรม

ก่อนหน้านี้นายระพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า ประชากรวัยทำงานไทยสุ่มเสี่ยงมีเงินออมไม่พอใช้ หลังพบสถิติจำนวนสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคสมัครใจ มีเพียงประมาณ 2.5 ล้านคนทั่วประเทศ มีเม็ดเงินประมาณ 9.7 แสนบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบประชากรวัยทำงาน และระบบการทำงานภาคเอกชนไทย

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง วิเคราะห์ว่าประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ตั้งแต่ปี 2549 และในปี 2568 จะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์หรือประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 21.2 ของประชากรทั้งประเทศ

Failed to load player resources

Please refresh the page to try again.

ERROR_BYTEARK_PLAYER_REACT_100001

00:00

00:00

ให้คะแนนการอ่านข่าวนี้