วันนี้ (7 ต.ค.2559) สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์ว่า ตามที่นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ออกมาแถลงเปิดเผยว่า ไม่พบประเด็นการทุจริตค่าใช้จ่าย 20.9 ล้านบาท กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและคณะ เช่าเครื่องบินเหมาลำของการบินไทย เดินทางไปประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน-สหรัฐฯ ที่มลรัฐฮาวาย เมื่อวันที่29 ก.ย.-1 ต.ค.ที่ผ่านมา
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย รู้สึกผิดหวังกับการทำหน้าที่ของ สตง. ที่เร่งรีบออกมาแถลงผลการตรวจสอบเบื้องต้นดังกล่าว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดำเนินการให้ครบถ้วนถูกต้องตามขั้นตอน วิธีการ ตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2552 มาตรา 39 (2) (ก.) ประกอบมาตรา 37 (3) และมาตรา 41 กำหนดไว้แต่อย่างใด ซึ่งบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวบัญญัติไว้ชัดเจนว่าจะต้องมีการ
“ตรวจสอบการรับจ่าย การเก็บรักษา และการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินอื่นของหน่วยรับตรวจ หรือที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยรับตรวจ และแสดงความเห็นว่าเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีหรือไม่ และอาจตรวจสอบการใช้จ่ายเงินการใช้จ่ายทรัพย์สินอื่นหรือการจัดซื้อจัดจ้างตามแผนงาน งานหรือโครงการของหน่วยรับตรวจและแสดงความเห็นว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ เป็นไปโดยประหยัด ได้ผลตามเป้าหมายและมีผลคุ้มค่าหรือไม่”
กระบวนการเช่าเหมาลำเครื่องบินของการบินไทยดังกล่าว สังคมมีข้อพิรุธและข้อครหามากมาย เช่น การใช้เครื่องบินที่มีขนาดใหญ่เกินเหตุ การใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินที่ไม่เหมาะสม การกินไข่ปลาคาเวียร์ การนำบุคคลที่ไม่สมควรเดินทางไปกับคณะ ฯลฯ ไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 มี.ค. 2558 และฝ่าฝืนค่านิยม 12 ประการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา หัวหน้า คสช. โดยชัดแจ้ง อีกทั้งการแสวงหาข้อมูลของผู้เดินทางทั้ง 38 คน ที่ สตง. นำมาแถลงนั้น เป็นเพียงเอกสารที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานคู่กรณีที่ถูกร้องเรียน เหตุใด สตง. ไม่แสวงหาข้อเท็จจริงจากหน่วยงานอื่นมาถ่วงดุลยืนยัน เหตุใดจึงเชื่อแต่เฉพาะเอกสารของผู้ถูกร้องเรียนแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น อีกทั้งผู้บริหารการบินไทยก็ออกมาแถลงเมื่อก่อนหน้านี้ว่า รายละเอียดของค่าใช้จ่ายต้องรอทางสหรัฐฯ ส่งบัญชีเรียกเก็บมาก่อนซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือน จึงจะทราบผล เหตุใด สตง. ยังไม่ทันเห็นเอกสารแต่สามารถรู้ข้อมูลดังกล่าวได้ล่วงหน้า
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขอเรียกร้องให้ ผู้ว่า สตง. พิจารณาทบทวนพฤติกรรมและการกระทำของตนเองเสียใหม่ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการก่อกำเนิดสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2552 อย่างเคร่งครัด อย่าตกอยู่ภายใต้ดวงตาทิพย์ หรือมือที่มองไม่เห็น เพื่อเรียกความศรัทธาต่อสาธารณชนให้กลับคืนมาก่อนที่จะสายเกินไป
แถลงมา ณ วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2559
นายศรีสุวรรณ จรรยา
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย