จากกรณีโรงเรียนประถมศึกษาชื่อดังในเขตกรุงเทพมหานคร ประกาศปิดสถานศึกษา เนื่องจากมีนักเรียนป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่จำนวนมาก
วันนี้ (6 ก.พ.2560) ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ถือเป็นตัว อย่างที่ดีของมาตรการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ ขณะนี้สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค ส่งทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ลงพื้นที่กับสำนักอนามัย กทม. ร่วมสอบสวนและควบคุมโรคในโรงเรียนนี้แล้ว พร้อมให้คำแนะนำมาตรการป้องกันโรคให้แก่คณะครูและผู้ปกครอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค.นี้ มีผู้ป่วย 4,875 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต พบผู้ป่วยมากในกลุ่มเด็กอายุแรกเกิด ถึง 14 ปี โดยคาดว่าในปี 2560 จะมีผู้ป่วยมากกว่า 300,000 ราย โดยเฉพาะเดือนก.พ.-มี.ค.นี้ คาดว่าจะมีผู้ป่วยประมาณเดือนละ 13,000 ราย
พบ กทม.ระบาดในสถานศึกษาหลายแห่ง
นพ.นพ.ปิยะสกล กล่าวด้วยว่า สำหรับใน กทม.พบว่าสัปดาห์ที่ผ่านมามีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนของโรคไข้หวัดใหญ่ในสถานศึกษาหลายแห่ง โดยเฉพาะระดับประถมศึกษา ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ กทม. ดำเนินการเฝ้าระวังควบคุมป้องกันโรคอย่างเข้มข้นในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ขอแนะนำประชาชนใช้มาตรการ “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์
ด้าน นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค แนะวิธีการป้องกันและควบคุมโรค 5 ข้อ ดังนี้ 1.มีระบบคัดกรองเด็กทุกเช้าก่อนเข้าเรียน พิจารณาจากอาการ ไข้ ไอ มีน้ำมูก หากพบให้แยกออก และใส่หน้ากากอนามัย แจ้งผู้ปกครองมารับเด็กกลับและให้พักฟื้นที่บ้าน 2.พิจารณาปิดสถานศึกษาเพื่อชะลอการระบาดและการแพร่กระจายเชื้อ โดยพิจารณาร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ ผู้บริหารสถานศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษา รวมถึงเครือข่ายผู้ปกครอง 3.สถานศึกษาทำความเข้าใจกับผู้ปกครองถึงความจำเป็นที่จะให้ผู้ป่วยหยุดเรียน 4.จัดให้มีจุดล้างมือพร้อมสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล จัดเตรียมหน้ากากอนามัยไว้ที่ห้องพยาบาล รวมถึงทำความสะอาดอุปกรณ์ที่เป็นส่วนรวม และ 5.ให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับโรคแก่นักเรียนและผู้ปกครอง รวมถึงส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง

ผู้เชี่ยวชาญไวรัส ชี้อย่าตระหนก-ยันไข้หวัดใหญ่ไม่กลายพันธุ์
ด้าน นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยืนยันว่าการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ชนิด H3N2 หรือไข้หวัดสายพันธุ์ฮ่องกง ยังเป็นภาวะปกติ ไม่มีการกลายพันธุ์ใดๆ โดยช่วงของการระบาดที่เกิดขึ้นจะมี 3 ช่วงใหญ่คือหน้าฝนเริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ก.ย. ซึ่งมักจะพบผู้ป่วยมากในช่วงนี้ ส่วนอีกช่วงคือหน้าหนาว ม.ค.-ก.พ. และจะหมดไปในช่วงเดือน มี.ค. เป็นพีคเล็กๆ โดยจะกลับมาเจอผู้ป่วยอีกรอบในเดือน พ.ค. เนื่องจากประเทศไทยไม่ฤดูหนาวที่ชัดเจน ซึ่งการระบาดตอนนี้มีเพียงแค่ร้อยละ 10 ถ้าเทียบกับหน้าฝนจะมีสูงถึงร้อยละ 40
กรณีข่าวการระบาดในพื้นที่ กทม.อาจเป็นเรื่องไม่ปกติ และบังเอิญระบาดในโรงเรียนดัง ซึ่งมีเด็กหลายรายที่มารักษาในโรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นสายพันธุ์เดียวกัน คำแนะนำที่ดีคือการปิดโรงเรียน เพื่อทำความสะอาด และป้องกันเด็กที่ป่วยแพร่เชื้อสู่เพื่อนๆ ในโรงเรียน ซึ่งหลังจากนี้เมื่อเปิดเรียนแล้วมาตรการสำคัญคือต้องให้เด็กที่ป่วยใส่หน้ากากอนามัย
นพ.ยง กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมเด็ก หรือผู้ใหญ่ บางคนฉีดวัคซีนแล้วยังเป็นไข้หวัดใหญ่นั้น ยอมรับว่าวัคซีนที่ป้องกันมีประสิทธิภาพแค่ร้อยละ 60 และจะลดประสิทธิภาพลงเรื่อยๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก และเดือนที่ควรรับวัคซีนมากที่สุดคือก่อนฤดูฝน หรือก่อนเปิดเทอมแรกของเดือน พ.ค.