วันนี้ (3 มี.ค.2560) ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวในงานเสวนา "วิกฤตขยะบก สู่แพขยะในทะเล : จะแก้อย่างไร?" จัดโดยสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่าการรณรงค์ให้ประเทศไทยลดการใช้ถุงพลาสติกให้ได้ร้อยละ 30 เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก จากปัจจุบันยังลดการใช้ได้ไม่ถึงร้อยละ 10 หากประชาชนทุกคนไม่ช่วยกัน โดยขยะทะเลเป็นปัญหาสะสมในอีก 10 ปีข้างหน้าที่ใช้เวลาย่อยสลาย 450 ปี ที่สำคัญไทยได้ขยับอันดับปัญหาขยะทะเลจากอันดับ 6 เป็นอันดับ 5 ของโลกที่ทิ้งขยะลงทะเลมากที่สุด แซงประเทศศรีลังกาแล้ว
ดร.ธรณ์ บอกว่า นับเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก เป็นปัญหาระดับประเทศ เพราะไทยมีประชากรน้อยกว่าหลายประเทศทั่วโลก แต่กลับมีปริมาณขยะในทะเลมากกว่า 1 ล้านตัน ทำให้เสี่ยงต่อการถูกกลุ่มประเทศยุโรป (อียู) กดดันไทยในลักษณะเช่นเดียวกับไอยูยู การทำประมงผิดกฎหมาย จึงอยากให้คนไทยร่วมมือกันทั้งลดการใช้ถุงพลาสติก และลดขยะตั้งแต่ครัวเรือน เนื่องจากขยะทะเลไม่สามารถย่อยสลายในลักษณะเดียวกับขยะบก เพราะขยะทะเลลอยน้ำไปได้ไกลถึงทะเลประเทศอื่นๆ แต่ขยะทะเลต้องจัดการลักษณะเดียวกับก๊าซเรือนกระจก



ด้านดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเล (ทช.) บอกว่า ในช่วง 2-3 ปีนี้ พบสัตว์ทะเลหายากตายจากกกินขยะและเศษเครื่องมือทำประมงเฉลี่ย 300 กว่าตัวต่อปี โดยแบ่งเป็นการกินร้อยละ 60 จะเป็นพวกโลมาและวาฬ ส่วนพวกเต่าพบปัญหาขยะในทะเลติดพันขาและตามลำตัวสูงถึงร้อยละ 70 อย่างล่าสุดพบฉลามวาฬแมนตาเรย์ถูกเชือกพันติดกับลำตัว