วันนี้ (31 มี.ค.2560) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 และนายกฤษฏา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า หากใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเข้มงวด จะช่วยให้การปล่อยกู้นอกระบบลดลง และมีการนำกฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงินมาบังคับใช้อย่างจริงจัง
ขณะที่ พล.ต.อ.สุวิระ เปิดเผยว่า รัฐบาลให้นายทุนที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบไปขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย เพื่อให้ปล่อยเงินกู้ได้อย่างถูกต้อง โดยอนุญาตให้เรียกเก็บเงินดอกเบี้ยได้ ร้อยละ 3 บาทต่อเดือน หากไม่ขึ้นทะเบียนจะเรียกเก็บดอกเบี้ยได้เพียง ร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบบริษัทที่ขึ้นทะเบียนได้จากกระทรวงการคลัง
ด้านนายกฤษฏา เปิดเผยว่า ลูกหนี้ที่มีหนี้นอกระบบ สามารถติดต่อธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งมีหน่วยงานแก้ไขหนี้นอกระบบทุกสาขาทั่วประเทศ และมีศูนย์ไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบหลายจังหวัด พร้อมให้ความช่วยเหลือเรื่องการฟื้นฟูลูกหนี้ ส่วนนายทุนสามารถขอใบอนุญาตปล่อยเงินกู้ถูกกฎหมายได้ เช่น ประเภทการปล่อยกู้แบบนาโนไฟแนนซ์ มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท สามารถปล่อยเงินกู้ได้ต่อรายไม่เกิน 100,000 แสนบาท และเรียกเก็บดอกเบี้ยได้ไม่เกิน ร้อยละ 36 ต่อปี โดยสามารถปล่อยกู้ได้ทั่วประเทศ ล่าสุดมีนายทุนจดทะเบียนแล้ว 25 ราย ส่วนสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์ มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท สามารถปล่อยกู้ได้เฉพาะในจังหวัดที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น โดยปล่อยกู้ได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย ล่าสุดมีนายทุนจดทะเบียนแล้ว 150 ราย
นายกฤษฏา ยืนยันว่า มีการตรวจสอบประวัติของนายทุนเพื่อให้เกิดความโปร่งใส รวมทั้งประวัติต้องห้ามในการทำธุรกรรมทางการเงิน หากพบว่านายทุนที่จดทะเบียนมีการกระทำความผิด จะถูกยกเลิกใบอนุญาตและถูกดำเนินคดี