ศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกาลดขอบเขตคำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาระงับคำสั่งพิเศษของโดนัลด์ ทรัมพ์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อย่างสิ้นเชิง โดยอนุญาตให้บังคับใช้คำสั่งห้ามพลเมืองจาก 6 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาและงดรับผู้อพยพได้บางส่วน
คำตัดสินของศาลสูงสุดจะมีผลบังคับใช้ภายใน 72 ชั่วโมง โดยจะห้ามพลเมืองจากอิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรียและเยเมน เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 90 วัน และงดรับผู้อพยพเป็นเวลา 120 วัน แต่จะบังคับใช้กับผู้ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับบุคคลหรือองค์กรในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น หมายถึงในระหว่างนี้พลเมืองจาก 6 ประเทศดังกล่าว ที่มีเอกสารที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีญาติพี่น้อง หรือทำงานกับบริษัทองค์กรต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ตามปกติ แต่สำหรับผู้ที่ถือวีซ่านักท่องเที่ยวทั่วไปจะไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาได้ หลังจากนั้นศาลสูงสุดจะเริ่มไต่สวนในการพิจารณาครั้งถัดไป ระหว่างวันที่ 2 ต.ค.-21 ธ.ค.60
อย่างไรก็ตาม หากศาลสูงสุดพิพากษาสนับสนุนคำสั่งของทรัมพ์ก็จะส่งผลให้พลเมืองจาก 6 ชาติดังกล่าว ไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลหรือองค์กรในสหรัฐอเมริกาก็ตาม รวมทั้งห้ามผู้อพยพทั้งหมดเข้าสหรัฐอเมริกาด้วย หรือแม้แต่พลเมืองจาก 6 ชาติ ที่มีกรีนการ์ดแต่เดินทางกลับไปยังประเทศของตนก็จะไม่สามารถเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาได้อีก
ก่อนหน้านี้ ทรัมพ์ได้ลงนามอำนาจฝ่ายบริหารสั่งห้ามพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ แต่ภายหลังได้ยกเลิกคำสั่งห้าม 1 ประเทศ นั่นคือ อิรัก หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุความร่วมมือในการป้องกันกลุ่มก่อการร้ายร่วมกัน ทรัมพ์ต้องการให้คำสั่งดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์สั่งระงับเสียก่อน จนกระทั่งได้รับชัยชนะเมื่อคืนที่ผ่านมา
สื่อต่างชาติกล่าวถึงกับเรียกว่าคำพิพากษาของศาลสูงสุดว่าเป็นการช่วยต่อลมหายใจให้กับคำสั่งแบน 6 ชาติมุสลิมของทรัมพ์ และสามารถกู้หน้าผู้นำสหรัฐอเมริกาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อีกด้านหนึ่งกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับทรัมพ์ก็ออกมาแสดงความไม่พอใจ
นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชน ระบุว่า อเมริกาเคยเป็นต้นแบบและผู้นำชาติต่างๆ ในการช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อน แต่คำสั่งแบนพลเมือง 6 ชาติมุสลิมเป็นสัญลักษณ์ที่ตรงกันข้าม ขณะที่ ตัวแทนผู้นำองค์กรสตรีมุสลิม ระบุว่า คำสั่งนี้สร้างแตกแยกและเป็นนโยบายที่เหยียดเชื้อชาติ ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นกังวล คือ ผู้คนที่กำลังจะล้มตาย มีผู้อพยพชาวซีเรียอีกมากที่ยังรอความหวังที่หนีออกจากที่นั่น
การออกคำสั่งของทรัมพ์ มีขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อเหตุก่อการร้ายที่เกิดจากฝีมือนักรบกลุ่มมุสลิมติดอาวุธทั่วโลก ขณะที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าเป็นคำสั่งที่เหยียดเชื้อชาติ ใจแคบและไม่เป็นอเมริกัน
แท็กที่เกี่ยวข้อง: