วันนี้(8ส.ค.2560) พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม หรือ ทส.ยืนยันว่า การใช้อำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในการใช้มาตราการ 44 ตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ อยู่ภายใต้การกำกับและการบังคับบัญชาโดยนายกรัฐมนนตรี เป็น การโอนย้ายเพียงกรมทรัพยากรน้ำ ของ ทส.ไปเพียงแห่งเดียว ไม่ได้รวมกรม หรืองานของกระทรวงอื่นๆมา และไม่ใช่กระทรวงทรัพยากรน้ำ แต่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อให้มีอำนาจเทียบเท่ากับสภาพัฒน์ สภาความมั่นคงแห่งชาติ
โดยจะเป็นหน่วยงานกลางในการผลักดันนโยบายที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ ทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง คุณภาพน้ำ และโครงการต่างๆที่เกี่ยวกับการจัดการน้ำ ซึ่งข้อเสนอนี้ ทส.เคยพูดกันภายในกระทรวงมาเป็นปีแล้ว เพราะมองเห็นจุดอ่อนว่าถ้ายังใช้โครงสร้างแบบเดิมจะเดินหน้างานไม่ได้ เพราะอำนาจของกรมสั่งการอะไรไม่ได้

รัฐมนตรี ทส. ยืนยันว่า การตัดสินใจใช้มาตรา 44 มีการสอบถามความเห็นจากรัฐมนตรีต่างๆ และยังมั่นใจวว่าคสช.ทำอะไรต้องดีขึ้น เป็นการปฏิรูป เพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยขณะนี้ยังมีการผลักดันกฎหมายน้ำมารองรับ อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ส่วนกระทรวงทรัพยากรน้ำ ที่เคยมีการผลักดันกันมา มองว่าจะไม่ตอบโจทย์เพราะเอาทุกหน่วยงานมาจะไมได้ทำให้เกิดเอกภาพ
โดยวันพรุ่งนี้ (9 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายน้ำแห่งชาติ หรือ กนช. จะประชุมเรื่องสถานการณ์น้ำท่วม และคงมีการพูดถึงการตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติให้กับที่ประชุมทราบ
"เอ็นจีโอ" รับลูกตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ด้านนายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ กล่าวว่า เห็นด้วยหากรัฐบาลจัดตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยการดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาร่วมกันดูแล บริหารจัดการน้ำร่วมกัน เพื่อทำให้ระยะเวลาในการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น และสอดคล้องกับ พ.ร.บ.การบริหารจัดการน้ำ โดยมีการตั้งคณะกรรมการบริหารและดูแลในเชิงนโยบายโดยเฉพาะทำให้การแก้ปัญหาเรื่องน้ำเป็นรูปธรรม สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน
นายหาญณรงค์ กล่าวว่า รัฐบาล ควรมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาวางแผนการบริหารจัดการน้ำ ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งในเชิงนโยบาย และการปฎบัติงาน เพิ่มผู้เชี่ยวชาญในเรื่องน้ำให้มากขึ้น หาข้อมูลเรื่องน้ำ ประเมินสถานการณ์ ก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรี ให้มีการสั่งการได้โดยตรง ไม่ตรงรอหน่วยงานอย่างที่ผ่านมา