เมื่อวานนี้ (8 ส.ค.2560) โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพัฒนาลุ่มน้ำชีตอนกลาง ปักธงแดงที่เขื่อนระบายน้ำวังยาง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ และจัดชุดเฝ้าระวังจุดเสี่ยง บริเวณพนังกั้นแม่น้ำชี ตลอดระยะทาง 22 กิโลเมตร เพราะแม้เขื่อนลำปาว จะระบายน้ำลดลง แต่ยังไหลท่วม ใน 5 อำเภอของ จ.กาฬสินธุ์ ต่อเนื่องกว่า 2 สัปดาห์
ส่วนน้ำจากแม่น้ำสงคราม ท่วมบ้านสันติสุข ต.ดอนหญ้านาง อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ รวมถึงนาข้าว สวนยางและปาล์ม เจ้าหน้าที่สำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือ และเตือนให้ติดตามสถานการณ์น้ำต่อไป
ขณะที่ จ.นครพนม กระแสน้ำเชี่ยวกรากของแม่น้ำสงคราม กัดเซาะตลิ่งเสียหาย และซัดห้องครัวของบ้านในหมู่บ้านปากยาม ต.สามผง อ.ศรีสงคราม จนดินทรุดตัวลึก 6 เมตร ครัวจมหายไปในแม่น้ำ เจ้าของบ้านต้องรีบอพยพไปอยู่ที่ปลอดภัย
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลล่าง จ.ศรีสะเกษ รายงานผลการยกบานประตูเขื่อนราษีไศลลงที่ระดับ 1.20 เมตร เพื่อชะลอมวลน้ำที่ไหลไป จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุด น้ำมูลที่ไหลผ่านหน้าเขื่อนราษีไศล อยู่ที่ 518 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดจากเดิมคือ 920 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ส่วนที่ จ.อุดรธานี อ่างเก็บน้ำห้วยหลวง เร่งระบายน้ำที่เกินระดับกักเก็บออก เตรียมรับน้ำฝนเพิ่ม พร้อมแจ้งเตือนประชาชนริมน้ำ โดยเฉพาะ ต.โคกสะอาด น้ำอาจล้นตลิ่งท่วมที่ลุ่มต่ำ
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ สำรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม กระทบ 11 อำเภอ 73 ตำบล 614 หมู่บ้าน ผู้ประสบภัยกว่า 20,000 หลังคาเรือน เกือบ 60,000 คน และพื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 250,000 ไร่ พร้อมสั่งการเร่งเยียวยาความเสียหาย และรับมือน้ำเหนือที่ไหลลงมาเพิ่ม
ทหารมณฑลทหารบกที่ 39 เข้าช่วยเหลือ ชาวนา บ้านกรุงกรัก ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เกี่ยวข้าวที่จมน้ำ หลังแม่น้ำยมล้นตลิ่งท่วมสูงกว่า 1 เมตร โดยจะนำข้าวเปลือกมาตากแดดให้แห้ง ก่อนนำไปขาย และเก็บเป็นพันธุ์ข้าวในฤดูกาลหน้า