"AI" รุกคืบแย่งอาชีพ

เศรษฐกิจ
30 พ.ย. 60
12:18
1,308
Logo Thai PBS
"AI" รุกคืบแย่งอาชีพ
การใช้เทคโนโลยีเอไอ โปรแกรมอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ถูกมองว่ามีผลดีช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีขึ้น แต่ขณะเดียวกัน หลายอาชีพเสี่ยงถูกแย่งงานจากเทคโนโลยีนี้เช่นกัน

วันนี้ (30 พ.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ถูกสร้างขึ้นจากสิ่งที่ไม่มีชีวิตที่รวบรวมและจัดใส่ข้อมูลซอฟต์แวร์หลากหลายระบบ เพื่อพัฒนาให้สามารถคิดและทำงานในด้านต่างๆ ได้คล้ายมนุษย์ ทั้งการตัดสินใจ การแก้ปัญหา และการเรียนรู้ เช่น ระบบนำทางรถยนต์ไร้คนขับ หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ช่วยงาน

ทั้งนี้ มีการประเมินว่าเทคโนโลยีเอไอจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วให้ขยายตัวได้ 1.7 เท่าในปี 2578 หรือในอีก 18 ปีข้างหน้า เพิ่มผลิตผลด้านแรงงานของโลกได้ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ผลกำไรเพิ่มขึ้นในทุกสาขาการผลิตทั้งการศึกษา ที่พักอาศัย และการก่อสร้าง แต่ในอีกด้าน จะมีผลกระทบต่อการจ้างงานด้วย

ข้อมูลจากสถาบันแมคคินซีย์ โกลบอล ประเมินว่าปี 2573 จำนวนแรงงานที่สามารถแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติมีมากถึง 800 ล้านคน และมีถึง 375 ล้านคนที่จำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อทำงานในอาชีพที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น งานที่ต้องเข้าไปควบคุมเครื่องจักร หรือระบบอัตโนมัติอีกทีหนึ่ง กลุ่มเสี่ยงต่อการตกงานมากกว่าใคร คือกลุ่มพนักงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว และมีอัตราค่าจ้างสูงอย่างสหรัฐอเมริกา

ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้รวบรวมผลกระทบจากการเปิดใช้เอไอในอนาคต พบว่าส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในประเทศไทยและกลุ่มอาเซียนมาก โดยเฉพาะแรงงานทักษะต่ำ ที่คาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ทั้งอาเซียนมีความเสี่ยงตกงานมากถึง 140 ล้านคน แรงงานไทย 44 เปอร์เซ็นต์ มีความเสี่ยงสูงตกงาน โดยเฉพาะในสาขาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เพราะถูกเอไอเข้ามาแทนที่ คนในอุตสาหกรรมนี้อยากให้รัฐเตรียมหาทางรับมือ

นอกจากนี้ ยังมี 10 อาชีพที่มีความเสี่ยงถูกเทคโนโลยีเอไอเข้ามาแย่งอาชีพ คือนักพัฒนาเว็บไซต์, นักการตลาดออนไลน์, ผู้ดูแลออฟฟิศ, นักบัญชี, ฝ่ายทรัพยากรบุคคล, นักข่าว, บรรณาธิการ, นักกฎหมาย, แพทย์ และจิตแพทย์ ข้อมูลนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รวบรวมจากบริษัท เอคเซนเชอร์ ที่ปรึกษาด้านไอทีของกลุ่มแอปเปิล และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ มาประเมินผลกระทบอย่างละเอียด

ผู้เชี่ยวชาญด้านการจ้างงานจาก ILO เคยระบุว่า แรงงาน 17 ล้านคนของไทย เสี่ยงจะถูกระบบจักรกลอัตโนมัติเข้ามาแทนที่ และมีโอกาสเกิดกับแรงงานผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึงครึ่งหนึ่ง แรงงานที่จบระดับประถมศึกษาเสี่ยงตกงานมากกว่าระดับปริญญาตรีถึง 90 เปอร์เซ็นต์

ยุคของเอไอถือว่ามาเร็วและแรง ปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้มีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ การใช้โรบอท คือแรงกดดันของการแข่งขันทางธุรกิจที่ต้องแข่งกันลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยเทคโนโลยีอย่างดี ระบบการศึกษาของประเทศจำเป็นต้องก้าวตามให้ทัน ไม่เน้นเพียงความเป็นเลิศทางวิชาการ แต่ต้องยกระดับการศึกษาเฉพาะบุคคล เฉพาะสาขา และดำเนินการต่อเนื่องตลอดชีวิต

สำหรับระบบเอไอที่เริ่มนำมาใช้ในไทยและกำลังเป็นกระแส คือเทคโนโลยีการติดตาม และวิเคราะห์ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เอไอเก็บข้อมูลได้มาก แต่ถ้าต้องการตัดสินใจ ก็ยังเชื่อว่าคนทำได้ดีกว่า แต่คนต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ หนีเอไอให้ได้

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง