วันนี้ (15 ม.ค.2561) ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ในปี 2561 มีสถานพยาบาลที่เข้าระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพิ่มเติม 16 แห่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา แบ่งเป็นหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมจำนวน 9 แห่ง ได้แก่ 1.ฤทธิเวชสหคลินิก จ.นนทบุรี 2.เอพีเอส คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมไตเทียม จ.นนทบุรี 3.บางใหญ่ไตเทียม คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมอายุรศาสตร์โรคไต จ.นนทบุรี 4.ชลเวช คลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม จ.ปทุมธานี 5.คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมอายุรศาสตร์โรคไตศาลายา จ.นครปฐม 6.สหคลินิกไตเทียมดีเดย์รีนัลแคร์ จ.มหาสารคาม 7.คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมอายุรศาสตร์โรคไต นพ.พิสิษฐ์ จ.อุบลราชธานี 8.คลินิกเวชกรรมเฉพาะทางอำนาจเจริญไตเทียม จ.อำนาจเจริญ และ 9.คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมไตเทียมในเมือง จ.ภูเก็ต หน่วยบริการปฐมภูมิ 1 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านภูเพ็ก จ.สกลนคร
หน่วยบริการร่วมให้บริการด้านทันตกรรม พื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ 1.ประภัศร์คลินิกทันตกรรม 2.คลินิกทันตกรรมสตอรี่เดนทัลโฮม 3.คลินิกทันตกรรมบ้านหมอเม และ 4.คลินิกวีระชัยทันตแพทย์ หน่วยบริการร่วมให้บริการด้านเวชกรรม พื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1.เอ็มดี สหคลินิก และ 2.เอกชัยเวชการคลินิก
ขณะที่ศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลนครนนทบุรีที่ 6 จ.นนทบุรี สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เดิมเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอยู่แล้ว และขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมอีกประเภทหนึ่ง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2561 เป็นต้นไป
ทพ.อรรถพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีหน่วยบริการที่ขึ้นทะเบียนในระบบจำนวน 12,109 แห่ง เป็นหน่วยบริการของรัฐสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 11,054 แห่ง, หน่วยบริการของรัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 134 แห่ง, หน่วยบริการเอกชน 509 แห่ง, หน่วยบริการรัฐพิเศษ เช่น สังกัด กทม., เทศบาลเมืองพัทยา 22 แห่ง และหน่วยบริการรัฐสังกัดองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 390 แห่ง โดย สปสช. จะปรับปรุงและเพิ่มเติมหน่วยบริการ เพื่อดูแลประชาชนให้ครอบคลุมทั่วถึงและเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนในการใช้สิทธิ์ ปัจจุบันมีผู้มีสิทธิ์ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 48 ล้านคน