วันนี้ (7 ก.พ.2561) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือ ปทส. เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ขออนุมัติศาล ค้นบ้านนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่าสงวนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จ.กาญจนบุรี
โดยวันนี้ ตำรวจใช้เวลาตรวจค้นบ้านนายเปรมชัย ในซอยเพชรบุรี 47 กว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งการตรวจค้น มีทนายความและภรรยานายเปรมชัย นำตรวจค้น
การตรวจค้น ยังพบอาวุธปืน 43 กระบอก จำนวนนี้มีปืนไรเฟิล 28 กระบอก ปืนยืนยาว ปืนสั้น 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนมากกว่า 1,000 นัด จึงสั่งให้อายัดอาวุธปืนทั้งหมดไว้ตรวจสอบทะเบียนการครอบครอง รวมถึงตรวจหาสารพันธุ์กรรม หรือ DNA ลายนิ้วมือ หาความเชื่อมโยงอย่างละเอียด
นอกจากนี้ยัง พบงาช้างสองคู่ หรือ 4 กิ่งขนาดยาว 1 เมตร ที่ภรรยาของนายเปรมชัย อ้างว่ามีใบอนุญาตในการครอบครองถูกต้อง แต่ไม่มีสติ๊กเกอร์ติดอยู่ที่งาช้างจึงต้องยึดให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตรวจสอบว่าเป็นงาช้างที่ขอใบอนุญาตครอบครองไว้หรือไม่
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่าไม่พบนายเปรมชัย อยู่ในบ้าน นอกจากบ้านนายเปรมชัย ตำรวจได้ขอหมายศาลตรวจค้นทั้งหมด 6 จุดซึ่งเป็นบ้านกลุ่มบุคคลที่เข้าไปในป่ากับนายเปรมชัย ทั้งจ.ราชบุรี กาญจนบุรี นครราชสีมา และนนทบุรี 2 จุด
ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าหลักฐานแวดล้อม ชัดเจนว่า นายเปรมชัย มีพฤติการณ์เป็นคนชอบล่าสัตว์ เนื่องจากปืนยาว ส่วนใหญ่เป็นปืนคล้ายกลับอาวุธปืนที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก และมองว่ามีเจตนาเข้าไปล่าสัตว์ชัดเจน เพราะไม่มีการเตรียมสเบียงอาหาร แต่ในทางสำนวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานอีกครั้ง แต่หากนายเปรมชัย จะอ้างว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือยิงก็ให้ไปต่อสู้ในชั้นศาล
ด้านแหล่งข่าวจากกรมอุทยานฯ วันพรุ่งนี้ (8 ก.พ.)จะเร่งตรวจสอบประวัติการขึ้นทะเบียนการครอบครองงาช้างของนายเปรมชัย และตรวจดูว่าขนาด และงาช้างที่ครอบครองที่ตำรวจยึดมาตรงกับฐานข้อมูลที่เคยแจ้งครอบครองกับกรมอุทยานหรือไม่
นอกจากนี้มีรายงานว่า ตำรวจ ปทส.จะเชิญเจ้าหน้าที่ที่เข้าเวร ในช่วงวันเกิดเหตุมาสอบปากคำที่ ส่วนกรณีคลิปเสียงเจรจาต่อรอง และผู้อนุญาตให้เข้าพื้นที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ยืนยันหากใครมีส่วนรู้เห็นในการเข้าไปล่าสัตว์ก็ต้องมีความผิดด้วย