วันนี้ (5 ก.ค.) นายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ วสท. กล่าวถึงการลดระดับน้ำในถ้ำหลวงเพื่อนำ 13 ชีวิต ออกมาจากถ้ำ ว่า นอกจากการเร่งระบายน้ำ จะต้องป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าถ้ำเพิ่มเติม ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่กรมชลประทาน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างสะพาน หรือ ไซฟอน เพื่อเบี่ยงทางน้ำ ไม่ให้ซึมผ่านรอยเลื่อนลงไปสมทบกับมวลน้ำในถ้ำ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่บริเวณปลายถ้ำ ตามข้อมูลของกรมทรัพยากรธรณีที่ระบุว่าปลายถ้ำมีรอยเลื่อน สอดคล้องกับข้อมูลของชาวบ้าน ที่ระบุว่า เลยจากเนินนมสาว จะมีแอ่งลึกประมาณ 10 เมตร ด้านบนมีโพรงมืด ไม่มีแสง แต่มีลมผ่าน จึงเชื่อว่าโพรงดังกล่าวจะเชื่อมกับรอยเลื่อนที่อยู่ด้านบน หากการทำไซฟอนเบี่ยงทำน้ำสำเร็จจะทำให้ระดับน้ำในถ้ำลดลงอย่างรวดเร็ว
ผมไปสำรวจตรงนั้น ซึ่งเป็นจุดที่ มทบ. 37 พบก่อนแล้ว ซึ่งกรมทรัพยากรธรณีพบว่าน้ำถูกพร่อง สมมติต้นทางมี 100 หน่วย ปลายทางเหลือ 30-40 หน่วย แสดงว่าน้ำหายไปข้างล่าง เติมเข้าไปในถ้ำ ดังนั้นถ้าจะอุดน้ำให้ได้ผล จะต้องทำสะพานข้ามตรงนี้ไปเลย
นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่สร้างสะพานน้ำเสร็จแล้วเมื่อเวลา ประมาณ 12.30 น. ซึ่งจะต้องรอผลไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง หากระดับน้ำในถ้ำลดลงอย่างรวดเร็วแสดงว่าการดำเนินการสำเร็จ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีฝนตกตกเพิ่ม แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่วิกฤตเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมีการป้องกันน้ำ ไม่ให้ไหลเข้าถ้ำเพิ่มเติม และเร่งสูบน้ำออกจากถ้ำ มากกว่าเดิมถึง 3 เท่า
เราสู้ธรรมชาติไม่ได้ แต่เราพยายามถึงที่สุด ถ้าทำถูกทาง ฝนตกเติมเข้ามามันไม่มากเหมือนเมื่อก่อน เพราะการเติมเข้ามาแบบวอเตอร์แฮมเมอร์ หรือการทะลัก คือ วันพุธที่แล้ว ผมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น แต่ตอนนี้กำลังสูบมากกว่าเดิม 3 เท่า น่าจะมีปัญหาน้อยลง
