กรณีเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยในประเทศลาวแตก มีผู้สูญหายจำนวนมาก และชาวบ้านราว 6,600 ครอบครัวได้รับผลกระทบ โดยองค์กรแม่น้ำนานาชาติ ( International Rivers) อธิบายรายละเอียดเขื่อนแห่งนี้
เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเขื่อนขั้นบันไดเซเปียน-เซน้ำน้อย ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 5 เขื่อน เป็นเขื่อนลักษณะที่เรียกว่า เขื่อนดินปิดช่องเขาต่ำ (saddle dam) หมายถึงเป็นเขื่อนเสริมพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรวบรวมน้ำในอ่างเก็บน้ำที่เกิดจากเขื่อนหลัก เพื่อให้สามารถยกระดับน้ำให้สูงขึ้นและเก็บน้ำได้
โครงการนี้ตั้งอยู่บนลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง จุดที่แม่น้ำเซเปียนบรรจบกับแม่น้ำโขง ที่ปากเซ จากข้อมูลที่เรามีอยู่ บริเวณเขื่อนดินปิดช่องเขาต่ำ D ของโครงการเซเปียน-เซน้ำน้อย ได้แตกออกประมาณ 20.00 น.คืนวันที 23 ก.ค.ที่ผ่านมา
เขื่อนแห่งนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2562 คาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ 410 เมกะวัตต์ โดยจะขายให้ประเทศไทย 370 เมกะวัตต์ เป็นโครงการที่มีสัญญาก่อสร้างในลักษณะ “สร้าง-โอนให้-ให้บริการ” โดยมีอายุสัมปทาน 27 ปี
เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัทจากเกาหลีใต้และไทย ได้แก่ บริษัท SK Engineering and Construction (SK E&C) – จากเกาหลีใต้; บริษัท Korea Western Power (KOWEPO) – จากเกาหลีใต้; บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) – จากไทย และ Lao Holding State Enterprise (LHSE)

ภาพ : องค์กรแม่น้ำนานาชาติ
ภาพ : องค์กรแม่น้ำนานาชาติ
ย้อนเหตุการณ์หลังพบรอยเขื่อนแตก
ข้อมูลระบุว่าเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมาหัวหน้าโครงการจัดสรรที่อยู่ใหม่ให้ประชา ชนของโครงการนี้ส่งจดหมายไปถึงหัวหน้าแผนกจัดสรรที่อยู่ใหม่ของโครงการที่แขวงจำปาสักและแขวงอัตตะปือ โดยระบุว่าสภาพการณ์อันตรายอย่างมาก เนื่องจากมีน้ำหลากจากแนวสันเขื่อน และเขื่อนดินปิดช่องเขาต่ำ D ใกล้จะแตกออก
จดหมายระบุว่า หากเขื่อนแตก น้ำปริมาณห้าพันล้านตันจะไหลไปด้านท้ายน้ำเข้าสู่แม่น้ำเซเปียน ในจดหมายระบุให้มีการเร่งเตือนฉุกเฉินแจ้งให้หมู่บ้านด้านท้ายน้ำอพยพและย้ายไปอยู่ในที่สูง
ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังมีการออกจดหมาย เขื่อนได้แตกออก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมทะลักในปริมาณมหาศาลไปด้านท้ายน้ำ
การแตกของเขื่อนเป็นผลมาจากฝนที่ตกหนักตามฤดูอย่างต่อเนื่อง และฝนที่ตกหนักโดยเฉพาะในพื้นที่นี้ส่งงผลให้กว่า 4,000 ครอบครัว และบางตัวเลขระบุว่ากว่า 6,600 ครอบครัว ต้องสูญเสียบ้านเรือนและทรัพย์สินเนื่องจากถูกน้ำท่วม และมีผู้สูญหายกว่า 200 คน
มีหมู่บ้านที่ถูกน้ำท่วมอย่างน้อย 7 แห่งประกอบด้วย บ้านท่าบก หินลาด สมอใต้ ท่าแสงจัน ท่าหินใต้ ท่าบก ท่าม่วง เขต สนามชัย แขวงอัตตะปือ
ชาวบ้านจำนวนมากเหล่านี้ได้ถูกอพยพมาที่อยู่ใหม่ก่อนหน้านี้หรือที่ผ่านมาได้รับผลกระทบด้านการทำมาหากินเนื่องจากการสร้างเขื่อนมาในคราวนี้ยังต้องได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ต้องสูญเสียบ้านเรือน ทรัพย์สิน และสมาชิกในครอบครัวไป
การแตกของเขื่อนเผยให้เห็นบทเรียนที่ชัดเจนหลายประการ กล่าวคือ มีความเสี่ยงที่สำคัญจากการออกแบบเขื่อน ซึ่งไม่สามารถรับมือกับสภาพอากาศที่เลวร้ายและอุบัติภัยได้ อย่างกรณีที่เกิดฝนตกหนักมาก ๆ ปัจจุบันความผันผวนด้านสภาพอากาศที่ยากต่อการพยากรณ์และรุนแรง เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากในลาวและในภูมิภาคนี้ อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศ
ทั้งยังแสดงให้เห็นข้อบกพร่องของระบบเตือนภัยสำหรับการสร้างและการเดินเครื่องเขื่อน เนื่องจากมีการเตือนภัยที่ดูเหมือนจะล่าช้ามากและไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประชาชนไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้ามากเพียงพอเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อตนเองและครอบครัว
ทั้งสองประเด็นต่างทำให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับมาตรฐานของเขื่อนและความปลอดภัยของเขื่อนในประเทศลาว รวมทั้งความเหมาะสมของโครงการเหล่านี้ในการรับมือกับสภาพภูมิอากาศและความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
ทั้งยังมีคำถามเกี่ยวกับบทบาทและความรับผิดชอบ การตรวจสอบได้และความสามารถในการบริหารจัดการและรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ในโครงการที่เป็นของและดำเนินการโดยเอกชนร่วมกับหน่วยงานของรัฐบาล
เนื่องจากปัจจุบันมีการก่อสร้างหรือมีแผนที่จะก่อสร้างโครงการพลังงานไฟฟ้ากว่า 70 แห่งตลอดทั่วสปป.ลาว โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการของและดำเนินการโดยบริษัทเอกชน ในรูปแบบสัญญา “สร้าง-โอนให้-ให้บริการ” เหตุการณ์ครั้งนี้จึงทำให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับการวางแผนและการบริหารจัดการเขื่อน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบโดยทันที
อ่านข่าวเพิ่มเติม
ระทึก ! เขื่อนเซเปียนแตก อพยพ 4,000 ครอบครัวหนีตาย
ประกาศ "ภัยพิบัติฉุกเฉิน" เมืองสนามไซ หลังเขื่อนเซเปียนแตก
สถานทูตไทยเปิดรับบริจาคช่วยผู้ประสบภัยเขื่อนแตก
เขื่อนเซเปียนแตก เสียชีวิตแล้ว 20 สูญหายกว่า 100 คน