วันนี้ (25 ต.ค.2561) นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ขณะนี้นักวิชาการกรมประมงได้ประสบความสำเร็จเพาะพันธุ์ “ปลาปล้องทองปรีดี” ปลาหายากและอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เนื่องจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่เป็นถิ่นอาศัยเสื่อมโทรมลง และยังถูกรุกรานจับมาจำหน่ายเพื่อเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม ทำให้ปลาปล้องทองปรีดีในธรรมชาติลดจำนวนลงเรื่อย ๆ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่กรมประมงต้องเร่งเพาะขยายพันธุ์เพื่ออนุรักษ์ให้ปลาชนิดนี้ยังคงอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ
นายประสาน พรโสภิณ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต 1 (เชียงใหม่) หัวหน้าคณะผู้วิจัย กล่าวว่า ปลาปล้องทองปรีดี เป็นปลาที่อยู่ในวงศ์ปลาค้อ (Balitoridae) มีขนาดเล็กความยาวประมาณ 2-3 นิ้ว สีสันสวยงาม ลำตัวมีลักษณะคล้ายปล้องอ้อยเรียวยาวสีน้ำตาลอ่อนอมเทาหรือเหลืองอ่อน และมีลายขวางสีคล้ำลงมาเกือบถึงท้อง พบได้ในประเทศแถบเอเชียสำหรับประเทศไทยพบบริเวณลำธารภูเขาในเขตพื้นที่ อ.แม่แจ่ม อ.เชียงดาว และ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่
โดยศูนย์ฯ ได้สำรวจชนิดพันธุ์สัตว์น้ำตามโครงการพระราชดำริทุกปีอย่างต่อเนื่องและพบว่า ปลาปล้องทองปรีดีในธรรมชาติหายากและมีจำนวนลดน้อยลง จึงได้พยายามรวบรวมพ่อแม่พันธุ์จากธรรมชาติเพื่อทำการศึกษาทดลองเพาะขยายพันธุ์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ระยะแรกพบว่าปลาไม่สามารถปรับตัวให้อยู่ในสิ่งแวดล้อมของการทดลองได้ จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2560 ทางศูนย์ฯ ได้นำไปทดลองเพาะขยายพันธุ์ที่สถานีวิจัยประมงน้ำจืดพื้นที่สูงอินทนนท์ ซึ่งมีสภาพแวดล้อมและอากาศใกล้เคียงกับแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติมากที่สุด
ชี้ 12 ปี ประสบความสำเร็จ
โดยคัดเลือกปลาที่มีน้ำเชื้อและไข่สมบูรณ์มาทดลองเพาะพันธุ์ด้วยวิธีฉีดกระตุ้นฮอร์โมนสังเคราะห์ แล้วปล่อยลงกล่องทดลองให้พ่อแม่ปลาผสมพันธุ์แบบธรรมชาติที่อุณหภูมิน้ำ 15.3–16.8 องศาเซลเซียส ปรากฏว่า ปลามีการตกไข่มากถึงร้อยละ 70 และสามารถฟักออกเป็นตัวได้สำเร็จ แต่อัตราการฟักตัวยังค่อนข้างต่ำอยู่มากเพียงร้อยละ 37.13 เท่านั้น รวมถึงการอนุบาลลูกปลาก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราการรอดยังต่ำอยู่ ได้ผลผลิตเพียง 200 ตัวเท่านั้น จึงต้องมีการพัฒนาขยายผลการศึกษาวิจัยในระยะต่อไป
ทั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จในเพาะพันธุ์ปลาปล้องทองปรีดีของไทย โดยใช้ระยะเวลาในการศึกษาทดลองกว่า 12 ปี ซึ่งกรมประมงคาดหวังว่าจะพัฒนางานวิจัยชิ้นนี้
เพื่อขยายผลไปสู่การเพิ่มปริมาณประชากรปลาในธรรมชาติให้มีจำนวนมากขึ้น ไม่สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย และขยายผลไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อปั้นเป็นปลาสวยงามทางเศรษฐกิจด้วย