วันนี้ (13 มี.ค.2562) นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจุดยืนจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำความเสียงของประชาชน ยึดมั่นต่ออุดมการณ์ และทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น
นายจุติ ย้ำจุดยืนไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจ พร้อมขยายความในเจตนาของการประกาศจุดยืน ว่าต้องการเน้นย้ำถึงเป้าหมายของพรรคที่จะเดินไปสู่การเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย หากยังต่อสายถึงนายทักษิณ ชินวัตร และไม่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ หากยังสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์
ขณะที่ รศ.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม นิด้า ประเมินว่า พรรคประชาธิปัตย์ เล็งเห็นผลคะแนนเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย เนื่องจากโพลจากหลายสำนักชี้ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกมีจำนวนมากกว่าร้อยละ 50 จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด จึงเป็นไปได้ว่ากรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศจุดยืนแบบนี้ เพราะหวังดึงคะแนนเสียงและน่าจะสามารถทดแทนฐานเสียงที่หายไปได้ หรืออาจได้มามากกว่าที่เสียไป
"คนยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคไหนมีอยู่จำนวนไม่น้อย เขาอาจได้คะแนนเสียงจากคนกลุ่มนี้ที่มองว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นทางเลือก"
รศ.พิชาย ชี้ว่าปฏิกริยาที่ตอบโต้จุดยืนนี้ โดยเฉพาะจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ได้มีผลต่อฐานคะแนนมากนัก เนื่องจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ราคาปาล์มและยางพาราตกต่ำมาโดยตลอด
สอดคล้องกับความมั่นใจของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่กำกับดูแลพื้นที่ภาคใต้ ว่าจุดยืนของพรรคไม่ได้มีผลต่อคะแนน แต่การได้เก้าอี้ ส.ส.น้อยลง อาจเกิดขึ้นจากระบบที่เปลี่ยนแปลงไป