วันนี้ (24 มี.ค.2562) นายองอาจ เดชา ชาวอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โพสต์ข้อความเรียกร้องการแก้ปัญหาฝุ่นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังลูกชายวัย 4 ขวบ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงด้วยอาการปอดอักเสบ ผ่านเฟซบุ๊ก Phu Chiangdao
นายองอาจ เปิดเผยกับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า สถานการณ์ฝุ่นปีนี้รุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา ประชาชนต้องช่วยเหลือตัวเอง เพราะจังหวัดและส่วนกลางยังไม่ตื่นตัวแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
Q : ลูกชายได้รับผลกระทบจากฝุ่นอย่างไร?
ครอบครัวของผมอยู่ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ อาศัยอยู่ในพื้นที่ติดภูเขา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอากาศเริ่มไม่ค่อยดี แต่ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะในพื้นที่ก็ไม่ได้มีประกาศเตือน ก็ใช้ชีวิตปกติ ผมตรวจสอบตัวเลขค่าฝุ่นอยู่ที่ 400 – 500 ไมโครกรัมต่อวัน ผมตัดสินใจปิดร้านกาแฟและฟาร์มเล็ก ๆ เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว และมีแผนอพยพลงมาอยู่ในที่ อ.เมืองเชียงใหม่ เพราะมีค่าฝุ่นน้อยกว่าที่ อ.เชียงดาว ในขณะนั้นลูกชายเริ่มมีไข้และเริ่มไอ
เมื่อย้ายมาอยู่ อ.เมืองเชียงใหม่ ลูกชายก็มีเลือดกำเดาไหลออกมาทางจมูก ไหลไม่หยุด ไหลออกมาเป็นลิ่มเลือด จึงรีบนำส่งโรงพยาบาล คุณหมอให้นอนโรงพยาบาล เจาะเลือดและตรวจอาการพบว่า ลูกเป็นปอดอักเสบ ผมมองว่าเลือดกำเดาไหลมันเป็นสัญญาณเตือนภัยของเด็กและผู้ใหญ่แล้ว ลูกชายนอนโรงพยาบาล 3 วัน ขณะนี้กลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยให้อยู่แต่ในห้องนอน ผมซื้อเครื่องฟอกอากาศมาไว้ในห้องนอนด้วย พร้อมใส่หน้ากากอนามัยกันตลอดเวลา
Q : ลูกชายมีโรคประจำตัว หรือเป็นภูมิแพ้หรือไม่?
ลูกชายอายุ 4 ขวบ 3 เดือน ไม่เคยมีโรคประจำตัวใด ๆ เลย ไม่เคยเป็นภูมิแพ้ ลูกร่างกายสมบูรณ์มาก ฉีดวัคซีนครบทุกตัว
Q : คนรอบข้างมีใครได้รับผลกระทบจากฝุ่นบ้าง?
ตอนนี้มีเพื่อนอายุประมาณ 30 ปี 2-3 คน ในพื้นที่ อ.เมือง และสันป่าตอง เริ่มป่วย มีเลือดกำเดาไหล ตัวผมเองก็ไอมานานแล้ว ตอนนี้ยังไม่หายเลย
Q : ความตื่นตัวเรื่องฝุ่นในพื้นที่เป็นอย่างไร?
ฝุ่นสะสมมาอย่างยาวนาน ปกติพื้นที่ในเมืองจะมีปริมาณฝุ่นเยอะกว่า แต่ปีนี้เห็นชัดว่าไฟป่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พื้นที่ภูเขามีหมอกควันในปริมาณมาก ชาวบ้านในพื้นที่ให้ความร่วมมือในการงดเผาเป็นอย่างดี แต่ปัญหาไฟที่ลุกลามในป่ามันขยายวงกว้าง ไม่มีใครควบคุมได้ ในที่พื้นที่ อ.เชียงดาว มีการเตือนเรื่องฝุ่นบ้างแต่ก็ไม่เข้มข้น เพราะชาวบ้านยังไม่รู้สึกว่าฝุ่นเป็นปัญหา หลายคนยังไม่เข้าใจว่าต้องป้องกันตัวเองอย่างไร และไม่รู้ว่าสถานการณ์ฝุ่นมันวิกฤต แม้ส่วนใหญ่จะมีอาการแสบหู แสบตา มานานแล้ว
Q : การเข้าถึงหน้ากากอนามัยเป็นอย่างไร?
ในพื้นที่รอบนอกหายากอยู่ ผมเองก็หาซื้อจากร้านขายยาในตัวเมือง และสั่งซื้อจากทางออนไลน์ ต้องหาซื้อกันเอง เห็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ โพสต์ให้แจกหน้ากากทุกชุมชน แต่ผมเห็นเมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) แจกเฉพาะที่ท่าแพอย่างเดียว
Q : เรียกร้องหน่วยงานไหนจัดการแก้ปัญหาฝุ่นในพื้นที่?
ส่วนตัวผมพยายามโพสต์เสนอทางออกผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยแท็กไปถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผมทำได้แค่นี้ ซึ่งหน่วยงานและทางการต้องกระตุ้นเตือนประชาชนแล้ว ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันวิกฤต ต้องย้ำว่ามันเป็นปัญหาจริง ๆ จังหวัดต้องรับความจริง จะไปสร้างภาพแบบเดิมไม่ได้แล้ว จังหวัดน่าจะรายงานให้ส่วนกลางรับรู้ได้แล้ว และประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ระดมงบฉุกเฉินมาจัดการได้แล้ว ไม่ใช่รอแต่ฝนอย่างเดียว
คนเชียงใหม่น้อยใจนะ ที่ส่วนกลางไม่เห็นความสำคัญกับการแก้ปัญหาของเชียงใหม่เลย ทุกคนหมดหวัง ตอนนี้กระแสต้องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กลับมาอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าหากประชาชนเลือกผู้ว่าฯ เอง จะได้คนท้องถิ่นที่มีความกระตือรือร้นมากกว่านี้
Q : วางแผนการใช้ชีวิตท่ามกลางฝุ่นวิกฤตอย่างไร?
ตอนนี้ในเชียงใหม่ไม่มีนักท่องเที่ยว ร้านกาแฟก็เปิดไม่ได้ รายได้วันละ 1,000 กว่าบาทหายไป ผมตั้งใจจะอพยพออกจากพื้นที่เชียงใหม่ไปอยู่ที่อื่นก่อน สถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยกลับมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เชียงใหม่ยังวิกฤต! อากาศแย่อันดับ 1 ของโลก
ชาวเชียงใหม่ขอเปลี่ยนตัวผู้ว่าฯ แก้หมอกควันเหลว