วันนี้ (28 มี.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าคดีฆาตกรรมยัดศพลงถังน้ำมันฝังดิน ย่านพหลโยธิน 52 ล่าสุด น.ส.อรอุมา น้องสาว ของนายอัชฌา เดินทางจาก จ.สงขลา ขึ้นมากรุงเทพฯ และเข้าให้ปากคำกับตำรวจกองปราบปรามในทันที
น.ส.อรอุมา เล่าว่า พี่ชายขาดการติดต่อไปตั้งแต่ค่ำวันที่ 6 มี.ค.พยายามโทรศัพท์หาหลายครั้ง แต่ไม่มีคนรับสายซึ่งผิดปกติเพราะพี่ชายจะติดต่อครอบครัวหลังเลิกงานในทุกวัน เมื่อโทรศัพท์สอบถามที่นายประยูร หรือ จุ๊บ ญาติที่ทำงานร้านเดียวกันกับพี่ชาย กลับบ่ายเบี่ยงอ้างงานยุ่ง กระทั่งยินยอมไปแจ้งความคนหายให้ในวันที่ 10 มี.ค.
น.ส.อรอุมาให้ข้อมูลสอดคล้องกับตำรวจในเรื่องชู้สาวด้วยว่า พี่ชายได้คบหากับหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงที่เคยคบหากับนายประยูรมาก่อนจึงคาดว่า เรื่องนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น
พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปรามระบุว่า จากพยานหลักฐาน ที่รวบรวมมาตั้งแต่ต้นกระทั่งพบศพนายอัชฌา มั่นใจว่า ผู้ต้องสงสัย คือนายประยูร อีกทั้งมีข้อมูลที่น่าเชื่อว่า ลูกน้องในร้านอีกคนมีส่วนช่วยเหลือนายประยูรด้วย
คดีนี้นับจากวันที่ครอบครัวของนายอัชฌา เข้าร้องขอความช่วยเหลืออีกทางที่กองปราบปรามในวันที่ 15 มี.ค.ตำรวจกองปราบปราม ลงพื้นที่สืบสวนคดี ก็พบเบาะแสน่าสงสัย ว่า นายอัชฌาถูกฆาตกรรมโดยนายประยูรผู้เป็นญาติและเป็นเพื่อนร่วมงาน เพราะหลังไปแจ้งความก็ไม่มีใครพบนายประยูรในพื้นที่อีกเลย ส่วนการค้นหานายอัชฌา มีการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือซึ่งพบพิกัดอยู่ในพื้นที่ ละแวกร้านที่ทำงาน ตลอดช่วงเวลาที่หายตัวไป ส่วนจุดที่ฝังดิน ตำรวจได้เบาะแสจากพยานแวดล้อมที่พบเหตุต้องสงสัย
ขณะที่จุดฝังศพอยู่ห่างจากที่ทำงานราว 1 กิโลเมตร ประกอบกับการชันสูตรพบรอยถูกตีด้วยของแข็งไม่มีคมที่ศีรษะ 2 แห่ง เป็นเหตุที่ตำรวจสันนิษฐานว่า มีผู้ลงมือก่อเหตุมากกว่า 1 คน และการฆาตกรรมน่าจะเกิดขึ้นภายในที่ทำงาน ก่อนนำศพออกมาฝังดิน ขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อยื่นขอให้ศาลอนุมัติหมายจับ ทั้งคู่ในข้อหาร่วมกันฆ่าโดยเจตนาและซ่อนเร้นอำพรางศพ