วันนี้ 28 มี.ค.62 พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วย พล.อ.ณัฐอินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าว ที่กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า จุดยืนของทหารและตำรวจไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จุดยืนของทหาร และตำรวจ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความอยู่ดีมีสุขของประชาชนไม่เคยเปลี่ยนแปลง ส่วนบทบาทความเป็น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และความเป็นแม่น้ำ 5 สาย จะหมดวาระไปตามโรดแมป และไม่มีเรื่องใดที่จะต้องเป็นกังวล และการบริหารงานของรัฐบาลชุดต่อไปจะเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย และตามรัฐธรรมนูญที่ได้กำหนดเอาไว้
สำหรับสถานการณ์การเมืองหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง ต้องขอขอบคุณทุกพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องที่ได้ทำให้เกิดความเรียบร้อยในห้วงระหว่างก่อนและหลังการเลือกตั้ง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขา คสช. ก็คลายความกังวล เพราะทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่าน
พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนผลของการเลือกตั้งเท่าที่ได้ติดตามดู ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความปกติ ส่วนการพยายามที่จะรวมเป็นรัฐบาลโดยคะแนนข้างใดนั้นก็ขอให้เป็นเรื่องทางฝ่ายการเมือง ทหาร ตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่ในรักษาความสงบ และป้องกันเอกราชอธิปไตยของประเทศชาติต่อไปตามปกติ
บทบาท ทหาร และตำรวจ เป็นหนึ่งในกลไกทางราชการ ซึ่งต้องปฏิบัติงานตามคำสั่งของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใด ๆ ก็ตาม เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดที่จะมาทำหน้าที่ในการเป็นรัฐบาล ทหาร และตำรวจก็ต้องปฏิบัติตามนโยบาย และแนวทางที่รัฐบาลกำหนด
ถาม : ลงนาม 6 พรรคต้านสืบทอดอำนาจ-ชูนโยบายปฏิรูปกองทัพ
พล.อ.พรพิพัฒน์ : คสช.จะยุติไปตามโรดแมป เมื่อตั้งรัฐบาลความเป็น คสช. ก็พ้นไปโดยธรรมชาติไม่เห็นว่าจะมีโอกาสที่เป็นการสืบทอดอำนาจตามวาทะที่ได้พูดกันในระยะนี้ ไม่มีอะไรที่จะเป็นเรื่องน่ากังวล
การปรับปรุงพัฒนากองทัพถ้าคำสั่ง หรือแนวทาง หรือแนวนโยบายแห่งรัฐเป็นเรื่องที่ได้คิดใคร่ครวญอย่างเหมาะสมแล้วว่า ทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคง มีเสถียรภาพไม่ถูกรุกรานจากประเทศภายนอก ทุกอย่างก็สามารถที่จะปรับได้ ตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบายให้กับกองทัพ และตำรวจปฏิบัติ
ถาม : ให้คนดีมาปกครองบ้านเมืองทำได้หรือไม่
พล.อ.พรพิพัฒน์ : นี่คือสิ่งที่เป็นความเร่งด่วนสูงสุดที่กองทัพหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติพยายามจะพูดแต่ทุกครั้งและทุกโอกาสการดำเนินการทุกประการตามแนวพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ถือว่ามีความลึกซึ้งและเป็นปรัชญาสูงสุด
เราไม่สามารถทําให้ทุกคนเป็นคนดีได้ แต่ว่าเราสามารถที่จะเลือกคนดีเข้ามาบริหารแผ่นดินได้ และเราทุกคนเองแม้กระทั่งในสังคมทหารตำรวจ เราก็พยายามยึดมั่นอยู่กับแนวปฏิบัติ ก็คือพยายามให้ทุกคนก็ตามที่เป็นคนดีขึ้นมาเป็นผู้ปกครองเป็นผู้บังคับบัญชา
ถาม : เสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องทุจริตหลังการเลือกตั้ง
พล.อ.พรพิพัฒน์ : เรื่องนี้จะต้องให้เวลากับทาง กกต. และต้องเชื่อมั่นในกลไกของรัฐก่อน เมื่อพบข้อบกพร่องก็ต้องแก้ไขและในข้อแก้ไขก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
ถ้าให้โอกาส กกต.มากกว่าการจู่โจม ด้วยคำพูดจนเขาไม่สามารถตั้งตัวได้ และทำลายความน่าเชื่อถือ แม้บางเรื่องจะเป็นเรื่องจริงแต่เราเลือกที่จะไม่เชื่อ ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรม กกต.บ้างตามสมควร
ถาม : จุดยืนหาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้กลับมาเป็นนายกฯ
พล.อ.พรพิพัฒน์ : กองทัพกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ภายใต้รัฐบาลมาเป็นสิบเป็นร้อยปี อยู่ภายใต้การนำของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยทุกแบบ ดังนั้นไม่มีปัญหาว่ากองทัพจะปฏิบัติงานภายใต้ของรัฐบาลใดหรือภายใต้นายกรัฐมนตรีท่านไหน
ถาม : ถ้าผลการเลือกตั้งไม่ดี ยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่มีการรัฐประหารอีก
พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า อย่าไปตั้งเป้าว่าจบไม่ดี คนไทยต้องคิดบวก เราอุตส่าห์เดินทางตามโรดแมป มาถึงขั้นที่เรามีการเลือกตั้ง และได้ผลการเลือกตั้ง มันแค่ช่วงระยะเวลาจากนี้รอจนกระทั่งกกตประกาศยืนยันว่าใคร หรือยืนยันรายชื่อ
หลังจากนี้ทุกอย่างก็จะเกิดการฟอร์มรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ในที่สุดก็จะสามารถมีรัฐบาลที่ได้เสียงข้างมากจนได้
ถาม : ขั้นตอนการถอดถอนชื่อผู้รับรางวัล
พล.อ.พรพิพัฒน์ : เป็นการดำเนินการของมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเป็นผู้แทนจากรุ่นต่างๆเข้ามาเป็นองค์ประกอบ ของคณะกรรมการก็เป็นเรื่องภายใน ซึ่งรางวัลเป็นรางวัลเกียรติยศ ผู้รับย่อมต้องรักษาเกียรติแห่งรางวัลนั้นไว้ ถ้ามีข้อมูลในทางใดที่ผู้รับไม่สามารถจะรักษาเกียรติแห่งรางวัลนั้นไว้ได้ก็ต้องเรียกคืน
ถาม : ทำไมจึงถอดรางวัล "ทักษิณ"
พล.อ.พรพิพัฒน์ : สื่อมวลชนและคนไทย อาจจะทราบข้อมูลพวกนั้นอยู่แล้วในเว็บไซต์หรือโลกโซเซียลหลายๆแห่ง แต่ว่าสิ่งที่รบกวนจรรยาบรรณของทหาร และหลักนิยมทางทหารคือการใดก็ตามที่เป็นการจาบจ้วง ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ ก็ต้องถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ
ถาม : ทำไมเลือกช่วงเวลานี้ในการพิจารณา
พล.อ.พรพิพัฒน์ : มันมีช้า มีเร็วได้ เป็นปกติ แต่เมื่อพบว่า มีอะไรที่สมควรต้องดำเนินการ ถึงเวลาที่ต้องดำเนินการ เพื่อให้จบกระบวนการขั้นตอนไป
ถาม : เกี่ยวข้องกับภาพเหตุการณ์ที่ฮ่องกงหรือไม่
พล.อ.พรพิพัฒน์ : ไม่ครับ เป็นเรื่องทั่วๆไป เมื่อข้อมูลมาถึงจุดๆ หนึ่ง จะต้องดำเนินการ อย่างใดอย่างหนึ่งเรา ก็ต้องเลือกระยะเวลาที่เหมาะสม และไม่อยากให้เป็นผลกระทบที่ส่งไปในเรื่องทางการเมือง
ถาม : นายทักษิณเป็นคนแรกหรือไม่ที่ถูกถอดชื่อและริบรางวัล
พล.อ.พรพิพัฒน์ : ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับรางวัลเขาก็สามารถรักษาเกียรติแห่งรางวัลนั้นไว้ได้ทุกคน ซึ่งศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร และคนที่เป็นทหาร ตำรวจ
พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า เชื่อว่าเป็นคนไทยทุกคนเช่นเดียวกันก็จะมีมาตรฐานทางจริยธรรมและมาตรฐานของความจงรักภักดี ซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติที่เรายึดถือ และรู้ระมัดระวังที่จะไม่ล่วงเกินในทางใดทางหนึ่ง หากผู้ใดได้ทำการกระทำล่วงละเมิด ล่วงเกินอย่างที่ได้เรียนไว้ ไม่รู้ว่าอะไรสูง ไม่รู้ว่าอะไรต่ำ ก็ต้องใช้มาตรการทางใดทางหนึ่งและหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นมาตรฐานที่คนไทยทุกคนพึงปฏิบัติ
ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประกาศจุดยืนกองทัพ น้อมนำพระราโชวาท พร้อมทำงานกับคนดี ทุกรัฐบาล แม้พลเอกประยุทธ์ จะไม่ได้กลับมานั่งนายกฯต่อ ขณะผบ.ทหารสูงสุด ระบุถอดชื่อศิษย์เก่าดีเด่น-ขอคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาว "ทักษิณ ชินวัตร" เหตุ ไม่รักษาเกียรติยศที่ได้รับ #thaipbanews #กองทัพไทย pic.twitter.com/MNStqb7KuX
— Duangthip_ThaiPBS (@duangtip_TPBS) 28 มีนาคม 2562