หลังจากที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าได้รับอุบัติเหตุในระหว่างปฏิบัติงาน เช่น ไฟลวกร่างกาย สำลักควัน และ ล่าสุด มีอาสาดับไฟป่าตกเขาเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติภารกิจ ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ฟันเฟืองคนเล็กๆ ที่ต้องแบกภารกิจที่ยิ่งใหญ่และเสี่ยงต่ออันตราย เพื่อรักษาพื้นที่ป่า และตัดวงจรของปัญหาฝุ่นควันพิษที่ปกคลุมในหลายจังหวัดภาคเหนือ
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเชียงแสน จ.เชียงราย เป็นหนึ่งในพื้นที่ประสบปัญหาไฟป่ามา 2 สัปดาห์ พื้นที่กว่า 5,500 ไร่ เกิดไฟป่าโหมแรงขึ้นทุกวัน จนทำให้หน้าที่หลักของเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเชียงแสนกลายเป็นเจ้าหน้าที่ดับไปป่า
นายเพชร พรหมเมือง เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเชียงแสน จ.เชียงราย ตัดสินใจโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อขอรับบริจาคหน้ากากอนามัยให้เจ้าหน้าที่ที่ไม่มีหน้ากากอนามัยสวมใส่ขณะปฏิบัติภารกิจสู้ไฟ พร้อมระบุว่ายังมีเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าในหลายพื้นที่ของภาคเหนือที่ยังขาดแคลนหน้ากากอนามัย โดยผู้ที่ต้องการบริจาคหน้ากากอนามัยสามารถส่งมาได้ที่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเชียงแสน 21 ม.15 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย 57150
ภาพ : เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเชียงแสน
ไทยพีบีเอสออนไลน์ติดต่อไปยังนายเพชร พรหมเมือง เพื่อสัมภาษณ์เกี่ยวกับภารกิจดับไฟป่าของเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเชียงแสน ด่านหน้าสุดในการสู้กับไฟป่า เล่าว่า ปีนี้นับเป็นปีที่วิกฤตที่สุด เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดไฟป่าหลายจุดมากเท่านี้มาก่อน เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเชียงแสน 8 คน ต้องลาดตระเวนไปทั่วบริเวณพื้นที่ป่า 5,500 ไร่
เรา 8 คน ต้องแบกไม้ตบ และถังน้ำ 20 ลิตร ขึ้นไปลาดตระเวนตามแนวไฟป่า เมื่อพบก็ต้องประเมินสถานการณ์ บางครั้งน้ำเพียง 20 ลิตร ที่แบกขึ้นไปก็ไม่พอที่จะดับไฟได้ เจ้าหน้าที่ต้องรอให้ไฟที่โหมแรงเบาลงก่อน จึงจะเข้าไปดับได้
ไฟป่าที่ไม่สามารถคาดเดาได้ กลายเป็นภารกิจที่ทำให้ร่างกายของเจ้าหน้าที่เริ่มอ่อนล้า หลายคนเริ่มหายใจลำบาก แสบตา ไอต่อเนื่อง และเป็นไข้ มีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 3-4 คน ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เนื่องจากควันไฟจากไฟป่ามีมากจนไม่อาจต้านทานได้ ความหนาของหมอกควันทำให้มองเห็นกันได้ในระยะไม่ถึง 100 เมตร
ปีนี้มีพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดไฟป่า ถูกเผาไหม้ ทำให้บริเวณนั้นมีควันมากเพราะใบไม้แห้งซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีกระจายเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ทั้ง 8 คน ต่างระดมกำลังและอุปกรณ์เข้าสู้กับไฟที่โหมแรง แต่ก็ไม่อาจต้านทานกลุ่มควันหนาที่ลอยเป็นวงกว้างและฝุ่นที่ฟุ้งตลบไปทั่วพื้นที่ได้
ภาพ : เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเชียงแสน
พวกเราสำลักควันไฟ แสบตาจนน้ำตาไหลไม่หยุด เริ่มหายใจติดขัด ต้องทยอยกันออกมาจากบริเวณนั้น เพื่อใช้ผ้าชุบน้ำมาปิดจมูกให้หายใจได้สะดวกมากขึ้น
นายเพชร ยังระบุว่า บางครั้งเกิดไฟป่าขึ้นพร้อมกัน 3 จุด บางจุดลุกลามไป 70-80 ไร่ กำลังเจ้าหน้าที่เพียงแค่ 8 คน จึงไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ บางครั้งต้องกระจายกันไปเพื่อทำแนวกันไฟไม่ให้ไฟลุกลามจนสร้างความเสียหายเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความรู้สึก "ไม่ไหวแล้ว" ขึ้นมา ซึ่งอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบาก คือ บริเวณยอดดอยสูง และหน้าผาที่การเข้าถึงพื้นที่ทำได้ยาก และแรงลมมีมากกว่าบริเวณอื่น
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเชียงแสน ก็ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า และทหารพรานให้เข้ามาช่วยเหลือ จนขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 100 คน ร่วมกันลาดตระเวนและดับไฟป่า แต่สถานการณ์ของไฟป่าก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น
พื้นที่ 5,500 ไร่ ครอบคลุม 2 ตำบล ถูกไฟป่าเผาไปหมดแล้ว แม้จะพยายามลาดตระเวนให้ได้มากที่สุด แต่ก็ยังดับไฟที่โหมแรงไม่ทัน เจ้าหน้าที่ที่นี่ไม่มีใครได้หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ ฟ้ามืดเรากลับจากลาดตระเวน ตี 3 ตี 4 ก็ต้องออกไปอีกเพื่อรักษาป่าไว้ให้ได้มากที่สุด
เมื่อสอบถามถึงสาเหตุของไฟป่าที่หลายคนสงสัยว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นมากขนาดนี้ เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเชียงแสน เล่าด้วยเสียงอ่อนล้า
หลายคนเข้ามาจุดไฟป่าหวังล่าสัตว์ โดยเฉพาะพรานป่าจะได้เห็นรอยเท้าสัตว์ช่วงฝนตก หลายคนมาจุดไฟไว้หาของป่า หรือรอเก็บเห็ดกิน เก็บเห็ดขาย ชาวบ้านบางคนเผาไร่ตัวเองโดยไม่ได้ดูแลหรือทำแนวกันไฟ ก็ทำให้ลามมาได้ มันไม่มีหรอก ไม้เสียดสีกันจนเป็นไฟป่า
ภาพ : เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเชียงแสน
ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ ก็ร่วมเป็นจิตอาสาช่วยแจ้งข้อมูลและพื้นที่ที่เกิดไฟป่า แต่ผู้ที่ต้องการผลประโยชน์จากผืนป่าก็จุดไฟเผาไม่หยุด
เราเป็นคนรักป่า ชอบความร่มเย็น อยากทำงานอยู่กับป่าไปตลอดชีวิต แต่พอมาเจอแบบนี้ก็ท้อเหมือนกัน มันไม่ไหว คนเผาก็เผาไป คนดับก็ดับไม่ได้หยุด อยากให้ช่วยกันคิดถึงอนาคตของเราด้วย ให้ลูกหลานได้มีร่มเงาของป่าไม้เหลือไว้ให้พวกเขาบ้าง