วันนี้ (25 เม.ย.2562) กรมศิลปากร ได้แจ้งความคดีทุบทำลายโบราณสถาน วัดกัลยาณมิตร เมื่อปี 2558 ต่อสถานีตำรวจนครบาลบุปผาราม และต่อมาอัยการได้พิจารณาสั่งฟ้อง ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ศาลได้มีคำพิพากษาตัดสินความผิด เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ต้องโทษจำคุก 3 ปี แต่ทางเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรให้การรับสารภาพ ศาลจึงลดหย่อนโทษให้เหลือ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 1 ปี และพิพากษาให้รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี
นายบวรเวท รุ่งรุจี อดีตอธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก วัดกัลยาณมิตรมีการรื้อถอนศาลาราย และกุฏิในคณะ 1 ซึ่งเป็นพื้นที่โบราณสถานตามประกาศของกรมศิลปากร คดีนี้เป็นคดีแรกที่ศาลตัดสิน ซึ่งหลังจากนี้ ยังมีอีก 2 คดี กำลังอยู่ในการพิจารณาของศาล โดยจะเป็นคดีที่เกี่ยวกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุบทำลายโบราณสถานวัดกัลยาณมิตร
ด้านนายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. ในฐานะรองโฆษก พศ. ระบุว่า กรณีของเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ถือว่าได้ดำเนินการตามหน้าที่เจ้าอาวาสวัด ที่ต้องบำรุงรักษาวัด จัดกิจการและศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปด้วยดี แต่การดำเนินงานไม่สอดคล้องกับกฎหมายของกรมศิลปากร จึงเกิดการฟ้องร้องขึ้นมา
ในทางคณะสงฆ์ถือว่าไม่ได้มีความบกพร่อง ไม่ได้ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย และไม่ได้ทำผิดพระธรรมวินัย ประกอบกับการตัดสินของศาล ให้รอลงอาญา 1 ปี ดังนั้น สถานะทางสมณเพศขยังคงอยู่ รวมไปถึงตำแหน่งทางการปกครองสงฆ์ด้วย