วันที่ 14 พ.ค.2562 ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีร่วมกันฟอกเงินค้ามนุษย์โรฮิงญา ที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชลชาสน์ ไชยมณี จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 54 คน เป็นจำเลย สมคบกัน โดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
อัยการโจทก์ฟ้อง สรุปว่า ระหว่างปี 2554-2558 พวกจำเลยได้สมคบกันเพื่อฟอกเงินจากการค้ามนุษย์โรฮิงญา โดยร่วมกันเปิดบัญชีธนาคาร รับโอนเงิน ฝากเงิน เปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน รวมยอดเงินหมุนเวียนกว่า 443 ล้านบาท แล้วนำเงินไปซื้อที่ดิน ก่อสร้างโรงแรม ซื้อรถยนต์ และเรือ ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ
สำหรับจำเลยคนสำคัญในคดีนี้ เช่น นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ (โกโต้ง) อดีต นายก อบจ.สตูล, นายบรรณจง ปองผล หรือโกจง อดีตนายกเทศมนตรีปาดังเบซาร์, พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก และ ร.ต.ต.นราทอน สัมพันธ์ อดีตรองสารวัตรปราบปราม กองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดระนอง
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า พวกจำเลยร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้อง จึงให้ลงโทษจำคุกนายบรรจง เป็นเวลา 20 ปี, จำคุก พล.ท.มนัส รวม 2 ข้อหา 40 ปี แต่ให้จำคุกได้ไม่เกิน 20 ปี ตามประมวลกฎหมายมาตรา 90 (2) และ จำคุก ร.ต.ต.นราทอน 12 ปี ส่วนนายปัจจุบัน จำคุกรวม 10 ปี และมีคำสั่งยกฟ้อง 10 คนในจำนวน 54 คน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2560 ศาลอาญาพิพากษาคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา 11 สำนวน จำเลย 103 คน ในจำนวนนี้มี พล.ท.มนัส รวมอยู่ด้วย ซึ่งในครั้งนั้น พล.ท.มนัส ถูกพิพากษาให้จำคุก 27 ปี เมื่อรวมกับคดีฟอกเงิน ต้องโทษจำคุกรวม 47 ปี