วันนี้ (22 พ.ค.2562) นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ภาพรวมยอดการยื่นขอนิรโทษกัญชาวันสุดท้ายเมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) มีผู้มายื่นรวมทั้งสิ้น 20,000 คนจากนี้อีก 3 เดือนผู้ที่มาขอนิรโทษกัญชาสามารถใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคได้จนกว่าจะมีกัญชาในระบบ
จากการตรวจสอบข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ พบว่าจำนวนผู้ที่มาขอยื่นนิรโทษนี้ ส่วนใหญ่ระบุว่าใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อย ปวดศีรษะ กังวล เครียด ซึ่งในการรักษาโรคลักษณะแบบนี้สามารถใช้ยาอื่นทดแทนได้ไม่จำเป็นต้องใช้กัญชา ขณะที่ 4 กลุ่มโรคคือ ลมชักในเด็ก ผู้ป่วยมะเร็งที่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนจากการได้รับยาเคมีบำบัด และปวดเรื้อรังมีแค่ประมาณ 100 คน
พบว่าร้อยละ 90 เป็นผู้ป่วย และอีกร้อยละ 10 เป็นผู้ไม่ควรครอบครอง และจากการสังเกตผู้ที่มาขอยื่นนิรโทษกัญชา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น เข้าใจว่าเป็นการครอบครองเพื่อสันทนาการ มากกว่าทางการแพทย์
ทั้งนี้ยืนยันว่า อย.มีระเบียบเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าผู้มายื่นขอนิรโทษ ต้องไม่ใช่เยาวชน หรือถ้าเป็นเยาวชนที่ป่วยต้องได้รับคำยินยอมจากผู้ปกครอง ส่วนการใช้กัญชารักษาโรคในกฎหมายเขียนชัดว่า ต้องไม่ใช่ในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เพราะจะมีปัญหาทางสมอง และในใบสั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์ กำหนดให้ใช้กัญชาในผู้ป่วยที่มีอายุ 25 ปีเท่ากับประเทศออสเตรเลีย
รับมือผู้ป่วยผลข้างเคียงใช้กัญชา
นพ.สุรโชค กล่าวว่า นอกจากนี้หลังให้การยื่นนิรโทษกัญชา ทำให้ขณะนี้ได้รับรายงานจากหลายโรงพยาบาล พบผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะ วูบ สลบไป มารับการรักษาในห้องฉุกเฉินมากขึ้น เมื่อสอบถามพบว่าเกิดการจากทดลองใช้กัญชา และคาดว่าต่อไปจะพบผู้ป่วยในลักษณะอาการเช่นนี้มากขึ้น จึงเตรียมประสานให้มีการเก็บข้อมูลผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน รวมทั้งประสานกรมการแพทย์ให้มีการอบรมแพทย์ เภสัชกร ให้รู้ผลข้างเคียงหรือฤทธิ์จากการใช้กัญชา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย.ให้ผู้ป่วยครอบครองกัญชาได้อีก 3 เดือน หลังแจ้งนิรโทษ
สธ.แนะ "สารสกัดน้ำมันกัญชา" ต้องสั่งจ่ายโดยบุคลากรการแพทย์ที่ผ่านอบรม