วันนี้ (29 พ.ค.62) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พอจะมองเห็นทิศทางการเมืองแล้วว่าใครจะร่วมงานกับใครแต่ยังไม่ชัดเจนมาก เพราะอยู่ในขั้นตอนของการหารือกัน อย่าไปมองว่าเป็นการต่อรองเลย การที่ฝ่ายการเมืองต้องคุยกันก่อนเริ่มทำงาน ถือเป็นการวางแผนการทำงาน เมื่อโอกาสมาถึงจะได้มีความพร้อมเข้าไปทำงานเพื่อประชาชน ภาพการพูดคุยกันเช่นที่เป็นอยู่ล้วนเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งมีบทสรุปในทุกครั้ง
นายอนุทิน กล่าวว่า พยายามเสนอให้เวลาจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จแล้ว ต้องมีแกนนำจากแต่ละพรรคมาแถลงร่วมกัน ยืนยันความพร้อมให้ประชาชนสบาย ว่าการเมืองเดินหน้าไปได้แน่นอน แล้วจึงไปเลือกนายกฯ ไม่ต้องการให้เสนอเพียงชื่อนายกฯ แล้วไปเสี่ยงโหวตกัน ซึ่งอาจจะเกิดความไม่แน่นอนกับบ้านเมือง ระหว่างนี้ ยังมีเวลาคุยกัน เชื่อว่าจะเสร็จตามกรอบเวลา
หลักการภูมิใจไทย คือการเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ให้สามารถทำงานเชิงรุกได้ มีความเข้มแข็งชอบธรรมในการต่อรอง
ส่วนโอกาสในการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย หากมีการทาบทามเข้ามา นายอนุทิน กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยเข้ามาเจรจาอีกรอบ คนที่เป็นนายกฯ ต้องมีเสียงหนุน 376 เสียง จากทั้ง 2 สภา เมื่อลองบวกไปบวกมา พรรคเพื่อไทยและแนวร่วมไม่มีทางได้ 376 เสียงแน่นอน ฝ่ายที่ได้เสียงในสภาเกิน 376 เสียง คือฝ่ายที่ไปต่อได้ ส่วน ส.ส. ถ้าได้เกิน 250 เสียง ก็ถือว่ามีเสถียรภาพแล้ว
นายอนุทิน กล่าวถึงความคืบหน้าในส่วนของการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ว่า ภูมิใจไทยยื่นข้อเสนอไปแล้ว อยู่ระหว่างรอการตัดสินใจจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคต้องการเข้าไปทำงานในส่วนงานที่ได้หาเสียงไว้ ทั้งเรื่องกัญชา เรื่องแก้ไขปัญหาปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจแบ่งปัน
เมื่อถามถึงเสถียรภาพรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปคิดว่ารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจะเป็นรัฐบาลที่อ่อนแอ กลับกันมองอีกแง่หนึ่งน่าจะเป็นเสียงที่ฟังประชาชนมากขึ้น และฝ่ายการเมืองฟังกันเองมากขึ้น ส่วนที่ใครบอกว่ามาถึงทางตัน ไปจนถึงเรื่องของรัฐบาลเสียงข้างน้อย มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันจะมีทางออก
ส่วนกรณีถูกวิพากษ์วิจารณ์เมื่อเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า กลุ่มแฟนคลับการเมืองที่เขายึดมั่นถือมั่น เขาจะบอกว่าผมทำผิดสัญญา ผมยืนยันว่า 4 ข้อเจตนารมณ์ที่ผมตั้งเป็นเงื่อนไข ในการร่วมรัฐบาล ผมยังไม่ผิดคำพูดสักข้อ รวมไปถึงเรื่องอื่นๆด้วย เพียงแต่มันเป็นกระแสชิงชังขึ้นมา ผมรับฟังหมด
ทั้งนี้ 1 ใน 4 ข้อ ที่ผมตั้งเป็นเงื่อนไขร่วมรัฐบาล คือ เรื่องเสถียรภาพ ถ้าประชาธิปัตย์ไม่มาร่วมกับพลังประชารัฐ ให้ผมไปร่วมกับท่าน เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ผมจำเป็นต้องปฏิเสธ เพราะมันไม่มีเสถียรภาพ ตอนนี้ คนการเมืองมีความกดดันมาก แต่เราพยายามทำให้มันเดินต่อไปได้
ทุกคนมาอยู่ในสภา ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด และผมก็เห็น ส.ส. ทุกพรรคพูดคุยกันปกติ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง