ความคืบหน้ากรณีลูกช้างป่า จมน้ำตาย 2 ตัวในบ่อน้ำแถวบ้านเทพประทาน ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะ เกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งตัวแรกตายเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมามีลูกกระสุนฝังใน และอีกตัวเจอใกล้กันในวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา
วันนี้ (30 พ.ค.2562) สัตว์แพทย์หญิงณฐนน ปานเพ็ชร สัตวแพทย์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช พร้อมร่วมผ่าชันสูตรซากลูกช้างตัวที่ 2 โดย ได้เก็บ ตับ ลิ้น หลอดลม หัวใจ กระเพาะอาหาร และ ไขกระดูก ส่งไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ กรมปศุสัตว์ และคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงเเสน จ.นครปฐม
สัตว์แพทย์หญิงณฐนน ตั้งปมการตายของลูกช้างป่าว่าอาจเกิดการจากถูกไล่ มากจากจุดอื่น แต่จะเป็นจากคน หรือช้างฝูงอื่นต้องดูบริบทความเป็นอยู่ของมันในชุมชน เพราะลูกช้างป่าตัวแรกมีกระสุน 8 มม. ฝังกลางลำตัว แต่เนื่องจากซากร่มีสภาพเน่ามาก จึงตรวจสอบไม่ได้ว่าเกิดจากภาวะติดเชื้อในช่องท้องหรือไม่ แม้จะประเมินว่ากระสุนไม่อยู่ในจุดอันตราย
จากการตรวจสอบสภาพแวดล้อมจุดที่ช้างตายเป็นสระน้ำ ตัดผ่านพื้นที่เกษตร สวนปาล์มของชาวบ้าน จึงยังไม่ตัดปมเรื่องสารเคมีทิ้ง ต้องเก็บน้ำ ดิน วัชพืช ไปตรวจสอบด้วย คาดว่าจะรู้ผลไม่เกิน 1 เดือน
ชาวบ้านเทพประทานคนที่เห็นลูกช้างป่าตายในสระน้ำ อ้างว่า คืนก่อนที่จะเห็นช้าง ได้ยินเสียงโขลงช้างป่าร้องเสียงดังมาก จึงตั้งข้อสังเกตว่าลูกช้างป่าอาจพลัดหลง ไม่ชินทางจึงตกน้ำ ด้านเจ้าหน้าที่ บอกว่า เหตุการครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นใน ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ ทำให้ต้องตรวจตราให้รอบคอบ
ตั้งปมตายผิดปกติ-พบร่องรอยพ่นยาฆ่าหญ้าใกล้บ่อน้ำ
ข้อมูลจากเพจ สัตว์ : สิทธิและโอกาส - Thailand Animal Rights Alliance ระบุข้อมูลกรณีลูกช้างตาย 2 ตัวว่า นี่เป็นอีกครั้ง กับการสูญเสียชีวิตสัตว์ป่าสำคัญอย่างลูกช้างป่าอีกสองชีวิต!!
ในพื้นที่ที่ผ่านมาในระยะไม่ถึงหนึ่งปี ได้มีการสูญเสียชีวิตช้างป่าจำนวนมาก
ทั้งที่เปิดเผย และ "อีกมากมายที่ไม่ยอมเปิดเผยสู่สังคม"พบศพลูกช้างตายผิดปกติสองตัว ในบริเวณหนองน้ำของหมู่บ้านเทพประทาน หมู่ที่ 8 ตำบลคลองตะเกรา อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
หลังจากเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2562 ชาวบ้านได้พบลูกช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณหนึ่งขวบครึ่งนอนตายอยู่ที่คลองสียัด คลองที่ไหลผ่านที่ดินและสวนของชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ พร้อมทีมแพทย์ของกรมอุทยานนำทีมโดย สัตวแพทย์หญิง ณฐนน ปานเพ็ชร ได้นำซากช้างมาผ่าพิสูจน์ ในการผ่าพิสูจน์ขั้นต้นได้พบกระสุนลูกตะกั่วฝังอยู่ใต้ผิวหนังแต่ไม่น่าจะเป็นสาเหตุของการตาย
ซึ่งในระหว่างที่รอผลพิสูจน์ของทีมแพทย์นั้น ในวันนี้ 29 พ.ค. 2562 ได้มีการพบศพลูกช้างเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตัว!!! อายุไล่เลี่ยกันแต่ยังไม่ทราบเพศ นอนตายในบริเวณใกล้เคียงกัน " ลักษณะการนอนตายคือมุดหัวเข้าไปใต้กอหญ้าเหมือนมีอาการทุรนทุรายก่อนตาย " หลังจากการนำซากศพออกมาคาดว่าลูกช้างน่าจะตายในวันและเวลาใกล้เคียงกัน
จากการเดินดูรอบๆ พบว่ามีหญ้าไหม้เหมือนมีการพ่นยาฆ่าแมลงใส่หญ้า รอบๆคลองส่งน้ำ ซึ่งยาฆ่าแมลงน่าจะเป็นกลุ่มสารยาแลนเนต ซึ่งออกฤทธิ์ชนิดแรงประเภทไม่มีกลิ่น" ยาชนิดนี้อยู่ในกลุ่มสารพิษ Carbamates " เพราะหญ้าบริเวณโดยรอบกำลังเหลืองและบางส่วนได้ตายไปคาดว่าพ่นหญ้าในวันเดียวที่ช้างบุกเข้ามาและนั่นอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ทำให้ช้างตายหรือไม่ ?? เพราะโดยปกติ ไม่มีเกษตรกรคนไหนจะพ่นยาฆ่าหญ้าลงแหล่งน้ำ
ต้องรอผลจากการพิสูจน์จากหน่วยงานของรัฐที่จะทำหน้าที่สร้างความกระจ่างให้กับสาธารณชนได้รับทราบ และช้างที่มีลูกเล็กอยู่ในโขลงมักจะมีประชากรไม่ต่ำกว่าสิบตัว คาดว่าถ้าช้างมากินหญ้าบริเวณนี้ ถ้าหากพื้นที่นี้มีสารพิษอย่างที่สงสัย " ก็น่าเป็นห่วงว่าช้างสิบกว่าตัวในโขลงจะมีตายมากกว่านั้น "
เรื่องนี้ จึงขอให้สาธารณชนติดตามอย่างใกล้ชิด จากการสอบถามเจ้าของสวนบอกว่าช้างที่มากินหญ้าในคลองดังกล่าวมีสองโขลงและโขลงหนึ่งมีไม่ต่ำกว่าสิบตัว อีกโขลงหนึ่งมีประมาณหกตัวทั้งสองโขลงมีลูกเล็กๆหลายตัว
ก่อนมีการพบศพลูกช้างชาวบ้านแถบนั้นได้ยินเสียงร้องโหยหวนของแม่ช้าง และเสียงเหมือนจะพยายามช่วยลูกช้างออกจากหนองน้ำ โดยเสียงโหยหวนนั้นได้ดังก้องเป็นเวลานาน จนเช้าถึงเงียบไป
การตายของลูกช้างทั้งสองชีวิต นี้ ทาง TARA ขอให้หน่วยงานรัฐผู้รักษากฎหมายและหน่วยงานที่รับผิดชอบ " ทำงานร่วมกันอย่างตรงไปตรงมา" การทำงานของท่านจะมีส่วนและเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงการป้องกันชีวิตช้างในพื้นที่ธรรมชาติ ถ้าเราทำงานแบบหละหลวมหรือทำให้มันจบจบไป
ชีวิตช้างเหล่านี้จะตกเป็นเหยื่อแบบนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งหาคำตอบ 2 ลูกช้างป่าจมน้ำตาย-เจอกระสุนฝังลำตัว