วันนี้ (19 ก.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมนำสื่อมวลชนชมห้องทำงานบนตึกบัญชาการ ซึ่งเดิมเป็นห้องทำงานของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
นายอนุทิน เปิดเผยว่า มีความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาลวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ โดยรัฐมนตรีในสังกัดพรรคภูมิใจไทยได้ศึกษาร่างนโยบาย และเตรียมพร้อมชี้แจงเรื่องที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีเปิดโอกาสให้พรรคร่วมรัฐบาลได้แสดงความคิดเห็นร่างนโยบายรัฐบาลอย่างเต็มที่ รวมไปถึงข้อเสนอเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 แต่จุดยืนของพรรคภูมิใจไทยมองว่านโยบายเร่งด่วนควรเน้นในเรื่องการช่วยเหลือประชาชน และการทำงานของรัฐบาลนับจากนี้จะต้องมองไปข้างหน้า และไม่ขอมองย้อนไปถึงอดีตของแต่ละคน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีที่เคยมาจากการรัฐประหาร
นายอนุทิน ยังมั่นใจว่าจะผลักดันนโยบายกัญชา ซึ่งจะถูกบรรจุเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมทั้งการพัฒนาด้านการแพทย์ และต่อยอดในเชิงนวัตกรรมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศและเกษตรกรต่อไป ซึ่งการดำเนินการมีบางส่วนที่สามารถผลักดันตามกฎกระทรวงได้ทันที และต้องปรับปรุงกฎหมาย
ป้องกันไม่ให้ "กัญชา" กระทบเยาวชน
โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และเสนอแนะถึงข้อดีข้อเสียในการดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรี ซึ่งจะเป็นไปตามขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การศึกษาวิจัย ไปจนถึงการนำไปใช้และการหามาตรการป้องกันการนำไปใช้เกินกว่ากฎหมายกำหนด รวมทั้งต้องมีการประเมินผลและสร้างความเข้าใจถึงประโยชน์และโทษของกัญชา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานำกัญชาไปใช้ หรือเสพในทางที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะผลกระทบกับเยาวชน
นายอนุทิน ระบุถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายรัฐมนตรีที่มีคดีค้างเก่าว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเอกสารและหลักฐานที่รัฐมนตรีแต่ละคนจะต้องเตรียมในการชี้แจง และหากฝ่ายค้านจะกล่าวหาเรื่องใดก็ต้องเป็นไปตามหลักฐาน และข้อกฎหมาย รวมไปถึงกรณีการถือหุ้นต่างๆ ซึ่งสามารถตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
นานอนุทิน ระบุว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงการแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะต้องรอหลังแถลงนโยบายรัฐบาลก่อน ซึ่งการแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีก็ขึ้นอยู่กับกรอบการทำงานของกระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยดูแลอยู่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี