วันนี้ (30 ก.ค.2562) เกษตรกร ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ขอความช่วยเหลือจากอัยการคุ้มครองสิทธิฯ ให้ช่วยเป็นคนกลางเจรจาติดตามเงินจากบริษัทเอกชน ที่รับซื้อผลผลิตไปนานกว่า 6 เดือนแล้ว แต่ยังไม่จ่ายเงินเป็นจำนวนเกือบ 1 ล้านบาท

ใบชั่งน้ำหนักสินค้าและเอกสารการแจ้งความ ถูกเกษตรกร ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ใช้เป็นหลักฐานร้องเรียนต่อสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี หรือ สคช. จังหวัดนครราชสีมา ขอให้เป็นคนกลาง เรียกเจ้าของลานรับซื้อคือ บริษัท ที เอ็ม อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ของนายธนกฤต และนางวราทิพย์ เมินกระโทก หรือเจ๊แมว มาเจรจาจ่ายเงินค่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่เกษตรกรขายให้เมื่อต้นปี 2562 ซึ่งขณะนี้ผ่านมากว่า 6 เดือนแล้ว ยังไม่ได้เงินมาเกือบ 1 ล้านบาท


เกษตรกรเล่าว่า ก่อนหน้านี้ได้พยายามแจ้งความกับตำรวจ สภ.โชคชัย แต่พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งและให้ลงเพียงบันทึกประจำวัน ให้เหตุผลว่าเป็นคดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญา การเจรจากดดันให้เจ้าของลานรับซื้อมารับผิดชอบค่าเสียหายจึงไม่เป็นผล

ปัจจุบันลานรับซื้อดังกล่าวก็ปิดกิจการและขาดการติดต่อ เป็นเหตุให้เกษตรกรไม่มีเงินใช้หนี้ ธ.ก.ส. และกองทุนหมู่บ้าน จนไม่สามารถกู้เงินมาลงทุนเพาะปลูกในฤดูการผลิตรอบใหม่

หลังมีการนำเสนอข่าวในรายการสถานีประชาชน ไทยพีบีเอส พ.ต.อ.จักรพงษ์ เคนทวาย ผู้กำกับ สภ.โชคชัย เปิดเผยว่าได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์จากเกษตกรทั้งหมดแล้ว และไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งหรืออาญาตำรวจจะออกหมายเรียกทางบริษัทมาให้ปากคำและเจรจาค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การติดตามดำเนินคดีเกิดความชัดเจนมากขึ้น เกษตรกรจึงต้องการให้อัยการคุ้มครองสิทธิฯ ช่วยเป็นคนกลางในการเรียกทางบริษัทมาเจรจา และขอคำแนะนำในการฟ้องคดีแพ่ง

ปัญหานี้มีเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด 8 ราย รวมมูลค่าความเสียหายมากเกือบ 1 ล้านบาท ล่าสุด อัยการคุ้มครองสิทธิฯ จ.นครราชสีมา จะตรวจสอบข้อเท็จจริงและจะส่งหนังสือเรียกทางบริษัทมาเจรจา และอาจพิจารณาแนวทางให้เกษตรกรดำเนินคดีทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากทางบริษัทต่อไป