ผู้ส่งออกห่วงสงครามการค้ารอบใหม่ฉุดส่งออกลบมากกว่า 1%

เศรษฐกิจ
6 ส.ค. 62
11:52
418
Logo Thai PBS
ผู้ส่งออกห่วงสงครามการค้ารอบใหม่ฉุดส่งออกลบมากกว่า 1%
สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือคาดการณ์ว่าการส่งออกในปีนี้จะติดลบร้อยละ 1 และมีโอกาสติดลบมากขึ้น เพราะปัญหาสงครามการค้าที่ขยายวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะการขึ้นภาษีรอบใหม่ของสหรัฐฯ หากปรับขึ้นจริงจะรุนแรงหนักกว่ารอบที่แล้ว

วันนี้ (6 ส.ค.2562) น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ประเมินว่าการส่งออกไทยในปี 2562 จะติดลบร้อยละ 1 บนสมมติฐานค่าเงินบาทอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าจีนและสหรัฐฯ ทำให้เศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัวลง เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ

 

 

ทั้งนี้ ยังกังวลว่าสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีกร้อยละ 10 ต่อสินค้านำเข้าจากจีนราคา 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 กันยายนนี้ จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการส่งออกของไทยและจะหนักกว่าทุกรอบ เนื่องจากสินค้ากว่า 3,800 รายการ ที่สหรัฐฯ จะปรับเพิ่มขึ้นจะอยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า รองเท้าเครื่องประดับและของเล่นที่ไทยผลิตและส่งออก

 

 

นอกจากนี้ ยังกังวลว่าจีนนำสินค้าเหล่านี้เข้ามาทุ่มตลาดในอาเซียน จะยิ่งส่งกระทบต่อการผลิตไทย รวมถึงยังมีปัญหาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และปัญหา Brexit ในอังกฤษ อาจจะทำให้หลายประเทศหันใช้มาตรการ QE เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ปัญหาสงครามการค้า นำไปสู่สงครามทางการเงิน ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทของไทยยิ่งผันผวน ซึ่งทางภาคเอกชนไม่ต้องการเห็นค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าไปจนถึง 28-29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หรือแข็งค่าไปกว่าภูมิภาค เพราะขณะนี้ค่าเงินบาทที่เฉลี่ย 30-39 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ก็มีผลต่อการส่งออกของไทยแล้ว

 


จึงอยากให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง ดูแลค่าเงินบาทให้อ่อนค่า ส่งเสริมการลงทุนในประเทศและป้องกันความเสี่ยงเงินที่ไหลเข้า ซึ่งอยากให้ ธปท.หามาตรการเพิ่ม เพื่อให้เกิดการลงทุนในระยะยาว ลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมผู้ประกอบการไม่สามารถที่จะปกป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ทั้งหมด รวมถึงต้องส่งเสริมให้เอกชนผู้ประกอบการเข้าใจในเรื่องของการป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น

การที่แบงก์ชาติจะให้ผู้ประกอบการใช้สกุลเงินท้องถิ่น เพื่อซื้อขายสินค้าระหว่างกัน จะมีผลกระทบต่อสินค้าไทย โดยเฉพาะการที่จีนหันมาทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่า ยิ่งกระทบต่อราคาสินค้าของไทยมีราคาสูงขึ้น ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับลดราคาสินค้าลงมา ยิ่งทำให้ค้าขายสินค้ายากขึ้น


ส่วนมูลค่าส่งออกในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่ามีมูลค่า 21,409 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ติดลบร้อยละ 2.15 เนื่องจากกลุ่มสินค้าเกษตรลดลงทุกรายการ โดยข้าว ติดลบร้อยละ 34.6 มันสำปะหลัง ติดลบร้อยละ 17.5 น้ำตาลทราย ติดลบร้อยละ 19.4 เช่นเดียวกับการส่งออกในกลุ่มอาหาร ทั้งผัก ผลไม้แช่แข็ง ติดลบร้อยละ 10 ไก่สดแช่แข็งและกุ้งแปรรูป ติดลบร้อยละ 10.2

ทางสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ เตรียมจะเข้าพบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเศรษฐกิจ เพื่อยื่นยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับการค้าและรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกเช่นการเปิดตลาดการค้าใหม่และเจรจาการค้าเสรีกับประเทศคู่ค้า โดยเสนอให้จัดตั้งวอร์รูมเพื่อรับมือสถานการณ์ทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการค้าระหว่างประเทศ การยกระดับศักยภาพแรงงาน

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง