วันนี้ (22 ส.ค.2562) เวลา 17.00 น. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับทีมแพทย์โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นำตัว "ยามีล" ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลวิชระภูเก็ต เพื่อผ่าตัดโดยใช้กล้อง Endoscope นำก้อนหญ้าทะเลที่อัดแน่นในบริเวณกระเพาะอาหารออก โดยการอัดแน่นของหญ้าทะเล เกิดจากสภาวะลำไส้หยุดทำงาน ซึ่งพบได้ในเด็ก (คน) เป็นอาการที่ลำไส้ไม่มีการเคลื่อนตัว ทำให้อาหารในระบบทางเดินอาหารไม่เคลื่อนที่
ทั้งนี้ เป็นสาเหตุให้เกิดการสะสมและเกิดการสร้างแก๊สขึ้นในระบบทางเดินอาหาร โดยแก๊สที่เกิดขึ้นทำให้ผนังลำไส้บางลง เกิดการแตกของเส้นเลือดฝอยและเกิดภาวะการติดเชื้อตามมา นอกจากนี้แก๊สที่เกิดขึ้นยังส่งผลกระทบไปดันบริเวณปอดทำให้เกิดการหายใจติดขัดด้วย
เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) อาการของ "ยามีล" มีการสะสมของแก๊สในกระเพาะอาหารและบริเวณลำไส้ มีอัตราการเต้นหัวใจสูงและชักเกร็งเป็นบางครั้ง จึงให้ยาช่วยลดอาการปวดและยาซึม ส่วนผลการ x-ray พบว่าอาหารส่วนที่เป็นของเหลวสามารถเคลื่อนที่ผ่านระบบทางเดินอาหารได้ แนวทางการรักษาในวันนี้จะพยายามนำอาหาร ซึ่งเป็นหญ้าทะเลที่ค้างในกระเพาะออกมา เพื่อลดการหมักหมมและให้สารน้ำและเกลือแร่ผ่านทางท่อให้อาหารร่วมกับการใช้ยาปฎิชีวนะ สถานะยังคงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ยามีลมีอาการท้องอืด และมีปัญหาที่ลำไส้และทางสัตวแพทย์ ทช.และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดูแลอย่างใกล้ชิดและนำตัวส่งไปรักษาโดยใช้เครื่องมือของคนในการรักษา เพราะยามีลยังเทียบกับเด็กอายุ 3 เดือน ทีได้รับรายงานยังทรงๆ แต่ทุกคนจะทำให้ดีที่สุด และได้หารือกับผู้เชียวชาญจากอควาเรียมที่เคยรักษาพะยูนในประเทศญี่ปุ่น มาช่วยดูแลและต้องการรักษายามีลให้ได้
วันเดียวกัน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยสำนักงานบริหาร ทช.ที่ 10 (ตรัง) ได้รับแจ้งจาก นายหลงเฟี๊ยะ บางสัก ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านน้ำราบ ต.บางสัก อ.กันตัง จ.ตรัง ว่า นายสมบูรณ์ ทิ้งหลี อายุ 35 ปี อาชีพประมงพื้นบ้าน ในพื้นที่ ต.บางสัก อ.กันตัง พบซากพะยูนเกยตื้น บริเวณพื้นที่ปากคลองตะเปะ หมู่ 6 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง
จากผลการตรวจสอบพบเป็นซากพะยูน เพศเมีย ความยาว 1.22 เมตร ความยาวรอบตัว 93 ซม. น้ำหนักประมาณ 40 กก. สภาพซากเริ่มเน่า ไม่มีบาดแผลฉกรรน์ จากนั้นได้นำซากไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สิเกา อ.สิเกา พร้อมประสานนำส่งซากไปยังศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายต่อไป