เปิดร่างจดหมายของ “บิลลี่” เตรียมถวายฎีกา

อาชญากรรม
6 ก.ย. 62
14:05
17,134
Logo Thai PBS
เปิดร่างจดหมายของ “บิลลี่” เตรียมถวายฎีกา
เปิดร่างบันทึกเตรียมถวายฎีกาของบิลลี่ ก่อนหายตัวไปเมื่อปี 2557 เผยเบื้องหลังกะเหรี่ยงบางกลอย ถูกขับไล่หวังให้พ้นพื้นที่อุทยานฯ แก่งกระจาน

วันนี้ (6 ก.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย จะหายตัวไปเมื่อปี 2557 มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ ความพยายามย้ายกะเหรี่ยงบางกลอย ออกมาจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ทำให้บิลลี่ต่อสู้และร่างหนังสือขึ้นมาฉบับหนึ่ง เพื่อเตรียมถวายฎีกา

ร่างถวายฎีการะบุข้อความว่า พวกเราชาวกะเหรี่ยงใจแผ่นดิน บ้านบางกลอย จึงเรียนมาเพื่อขอความเป็นธรรมจากท่าน เนื่องจากพวกเราชาวบ้านบางกลอยบนอยู่ในพื้นที่นี้ตั้งแต่บรรพบุรุษหลายร้อยปีแล้ว แต่ป่าไม้ก็ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ พวกเราประกอบอาชีพทำไร่หมุนเวียน อยู่กันแบบพอมี พอกิน ไม่เดือดร้อน พอถึงปี พ.ศ. 2539 ได้มีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ขึ้นไปที่บางกลอยบน แล้วบอกกับพวกเราว่า “พวกเราต้องลงไปอยู่บางกลอยล่าง” โดยอ้างว่า ป่าไม้ ต้นน้ำถูกทำลาย เขาจะจัดสรรพื้นที่ทำกินครอบครัวละ 7-8 ที่ และช่วยเหลือเรื่องอาหารการกิน 3 ปี ในตอนนั้นชาวบ้านส่วนหนึ่งก็เชื่อจึงได้ลงไปอยู่บางกลอยล่าง แต่อีกส่วนหนึ่งก็ไม่ได้ลงไป พวกเขายังอยู่บางกลอยบนเหมือนเดิม ส่วนชาวบ้านที่ลงไปนั้นมีทั้งหมด 57 ครอบครัว

 

 

พอลงไปถึงเจ้าหน้าที่อุทยาน ไม่มีที่จัดสรรให้ เจ้าหน้าที่อุทยานจึงจัดสรรแบ่งที่ทำกินของคนบ้านโป่งลึก ให้กับคนบ้านบางกลอยที่ลงไป ทำให้คนบ้านโป่งลึกมีพื้นที่ทำกินน้อยลง ไม่เพียงพอให้กับลูกหลาน และพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่อุทยานจัดให้คนบ้านบางกลอยนั้น ก็ได้ไม่ครบทุกครอบครัว ส่วนคนที่ได้ พื้นที่บางแปลงก็ทำกินไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากมีหินมาก

ส่วนเรื่องที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ บอกว่า จะช่วยเหลือเรื่องอาหารการกิน 3 ปี ให้กับชาวบ้านที่ลงมานั้น พอชาวบ้านลงมาจริง ก็ช่วยเหลือไม่ถึง 3 เดือน จึงทำให้ชาวบ้านลำบากมาก ต้องดิ้นรนทำงานรับจ้างข้างนอก พอออกไปทำงานรับจ้างในเมืองก็ถูกโกงค่าแรง แถมยังถูกจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากชาวบ้านยังไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จึงถูกกล่าวหาว่าเป็นคนต่างด้าว

 

 

พวกเราที่ลงมานั้นพอได้ 2 ปีกว่า ก็ต้องกลับขึ้นไปยังบางกลอยบนที่เคยอยู่ เพราะบางกลอยบนมีพืชผักผลไม้ที่บรรพบุรุษและพวกเราปลูกไว้ อุดมสมบูรณ์เพียงพอ ไม่ต้องลำบากมากอย่างบางกลอยล่าง แต่กลับขึ้นไปครั้งนี้ เราก็ต้องกลับไปอาศัยอยู่กินกับญาติพี่น้องที่ไม่ได้ย้ายลงบางกลอยล่าง

ส่วนทางเจ้าหน้าที่อุทยานก็ผลักดันพวกเราที่อยู่บ้านบางกลอยบนเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 โดยบอกว่าให้พวกเรา ย้ายลงไปอยู่กับญาติพี่น้องที่อยู่บ้านบางกลอยล่าง ถ้าไม่ย้ายลงไป ก็ให้ไปอยู่ฝั่งพม่า “พวกเราทุกคนที่อยู่บ้านบางกลอยบน ไม่ได้มาจากฝั่งพม่า พวกเราจะไม่ไป เราจะไม่ไปอยู่ประเทศพม่า” เราจะขออยู่บ้านบางกลอยบน เพราะบ้านบางกลอยล่างเราก็เคยลงไปอยู่มาแล้ว พวกเราตัดสินใจอยู่บ้านบางกลอยบนต่อไป แต่การผลักดันของเจ้าหน้าที่อุทยานก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้น “เผาบ้าน เผายุ้งข้าว ตัด ฟัน ทำลายพืชผักผลไม้ที่พวกเราปลูกไว้ และไล่จับกุมพวกเราทุกคนที่เขาพบเห็น”

 

 

ตอนนี้พวกเราลำบากมาก “เพราะ ข้าวของ พิธีกรรม ตามความเชื่อของชาวบ้านถูกทำลาย ทุกอย่างที่เขาพบเห็นจนหมด ” ทำให้ชาวบ้าน บ้านบางกลอยบนใช้ชีวิตลำบาก ไม่ว่าจะเป็น “เด็ก คนแก่ คนป่วย หรือคนท้อง ต้องทุกข์ทรมานมาก ต้องอดอยาก ไม่มีข้าวกิน ถึงขั้นมีคนตายและคนท้องแท้งลูก” “ขณะหลบหนีเจ้าหน้าที่ เราต้องนอนอยู่ในป่า ในถ้ำ โดยไม่มีผ้าห่ม เสื้อผ้าสำรอง ต้องทนฝน ทนยุง ทนหนาว” ส่วนเรื่องอาหารการกิน “พวกเราหาหัวกลอย หัวเผือก หัวมัน หน่อไม้หรือของในป่า ที่กินได้เอามากินเพื่อแก้หิว” พวกเราเดือดร้อนเช่นนี้ พวกเราก็เคยบอกผู้นำหมู่บ้าน ทั้งบ้านโป่งลึก – บ้านบางกลอยล่าง รับรู้ แต่ไม่มีใครกล้าช่วยเหลือพวกเรา เพราะพวกเขากลัวเดือดร้อน เพราะกลัวเจ้าหน้าที่จะรังแกพวกเขา ถึงแม้ว่าชาวบ้านและผู้นำหมู่บ้าน บ้านโป่งลึก – บ้านบางกลอยล่าง เป็นลูกหลานญาติพี่น้องของพวกเราจริงๆ

 

 

พวกเราจึงขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า 


1.ให้พวกเราได้มีสิทธิ์ อยู่ในพื้นที่บ้านบางกลอยบน โดยที่เจ้าหน้าที่อุทยานต้องไม่ไปรังแก ขับไล่ จับกุม เผาบ้าน เผายุ้งข้าว ทำลายพิธีกรรมทางความเชื่อ ของพวกเราที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และไม่ทำลายทรัพย์สินของพวกเรา พวกเราจะได้อยู่กันเป็นหลักแหล่ง เพื่อความมั่นคงในคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาพจิตใจที่ดี

2.กันเขตพื้นที่ทำกินให้ชัดเจน จะได้ไม่ต้องอดอยาก ทนทุกข์ทรมาน อยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ และกระจัดกระจายอยู่ในป่าใช้ชีวิตเหมือนคนป่า และเพื่อป้องกันปัญหา การบุกรุกป่าพื้นที่อุทยาน

พวกเราขออยู่บ้านบางกลอยบนใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนเดิม และเราจะให้ความร่วมมือช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ในการดูแลป่า เพื่อความมั่นคงของประชาชนและประเทศชาติใน อนาคต พวกเราจึงขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รีบดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยด่วน เพราะตอนนี้พวกเราเดือดร้อนมาก

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง