วันนี้ (6 ก.ย.2562) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า การประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกประจำเดือนกันยายนพลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ขอบคุณกำลังพลที่ออกปฏิบัติภารกิจบรรเทาสาธารณภัย
ทั้งบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งและอุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ พร้อมกำชับให้ผู้บังคับหน่วยกำกับดูแลและสนับสนุนให้กำลังพลสามารถปฏิบัติภารกิจบรรเทาภัยได้อย่างเรียบร้อย ปลอดภัย มีการพักผ่อนที่เหมาะสม รวมถึงการผลัดเปลี่ยนกำลังพลและหน่วยทหารในพื้นที่บรรเทาภัย สำหรับในบางพื้นที่ที่ยังคงมีภาวะน้ำท่วมขังให้หน่วยทหารพิจารณาจัดกำลังพลเข้าพักแรมและอยู่เป็นเพื่อนประชาชน

รวมทั้งให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเฝ้าระวังป้องกันทรัพย์สินของประชาชนในชุมชนที่มีน้ำท่วมขังและมีการอพยพออกไปด้วย ทั้งนี้ในปัจจุบันกองทัพบกยังคงกำลังทหาร 2,400 นาย รถยนต์บรรทุก 105 คัน เรือท้องแบน 31 ลำ โรงครัวพระราชทาน 7 แห่ง ช่วยผู้ประสบวาตภัยและอุทกภัยจากอิทธิพลพายุ “โพดุล” และ “คาจิกิ” ใน 30 จังหวัด ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้แนวทางในการปฏิบัติงานในปีงบประมาณต่อไป ซึ่งจะกำหนดให้เป็นปีแห่งการพัฒนากำลังพลในทุกระดับ ตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะการพัฒนา “กำลังพลต้นน้ำ” เช่น นักเรียนนายสิบ นักเรียนนายร้อย ทหารกองประจำการ อาสาสมัครทหารพราน เป็นต้น เพื่อให้มีความเข้มแข็งพร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ และการดำรงเกียรติ โดยกองทัพบกจะปรับหลักสูตรการศึกษาของกำลังพลต้นน้ำ เน้นการศึกษาประวัติศาสตร์ และพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษเป็นสำคัญ โดยที่ผ่านมา

ล่าสุด กองทัพบกได้มีการพัฒนาหลักสูตรการฝึกทหารใหม่ตามแนวทางพระราชทานเป็นพลทหารต้นแบบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดสาธิตพลทหารต้นแบบให้กับหน่วยฝึกทหารใหม่ของกองทัพบกทั่วประเทศได้นำไปปรับให้เป็นรูปแบบเดียวกัน
นอกจากนี้ จะเดินหน้าพัฒนาการฝึกการสอนนักศึกษาวิชาทหารตามแนวทางที่ได้เริ่มดำเนินการมาแล้ว ทั้งในเรื่องการปรับปรุง
รูปแบบการฝึกระเบียบปฏิบัติ ส่งเสริมให้นักศึกษาวิชาทหาร มีจิตอาสาและความรับผิดชอบต่อสังคม เน้นการทำกิจกรรมหรือการศึกษาดูงานที่เป็นการเปิดมุมมองของผู้เรียน
ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้กล่าวถึงการทำงานด้านความมั่นคง ซึ่งปัจจุบันภัยคุกคามมีความแปรผันไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะภัยคุกคามที่ไม่ใช่สงคราม เช่น ยาเสพติด สินค้าหนีภาษี การทำลายทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งกองทัพบกจะต้องปรับและพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยและกำลังพล ให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการปฏิบัติตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน ซึ่งผลการจับกุมปรากฏเป็นที่ประจักษ์ กำชับให้กองทัพภาคได้ให้ความสำคัญและมุ่งขจัดปัญหานี้ เพราะถือเป็นภัยคุกคามที่ทำให้ประเทศอ่อนแอ
นอกจากนี้ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงของประเทศในมิติต่างๆ ขอให้ทุกหน่วยงานของกองทัพบกมุ่งมั่นร่วมกันทำงาน และให้ตระหนักอยู่เสมอว่า กองทัพจะต้องเป็นหลักในการสร้างความสงบสุขและสนับสนุนการเดินหน้าประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
-