ปธ.กมธ.ความมั่นคงฯ แจง มติเอกฉันท์เรียก "พล.อ.อภิรัชต์" คุย

การเมือง
16 ต.ค. 62
17:50
313
Logo Thai PBS
ปธ.กมธ.ความมั่นคงฯ แจง มติเอกฉันท์เรียก "พล.อ.อภิรัชต์" คุย
ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร แจงกรณีการเชิญพล.อ.อภิรัชต์ มาแลกเปลี่ยนความเห็นเป็นมติที่ประชุมของ กมธ. ซึ่งเป็นเอกฉันท์ โดยทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลเห็นด้วย

วันนี้ (16 ต.ค.2562) พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงมติในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ที่เชิญ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกรณีบรรยายพิเศษในหัวข้อ "แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง" เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น

โดยชี้แจงว่าเป็นมติเอกฉันท์ของคณะกรรมาธิการที่มีทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลรวมอยู่ด้วย ซึ่งในที่ประชุมมีความคิดเห็นตรงกันว่าควรเชิญมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง ด้านความมั่นคง เพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกัน จะได้มีความคิดตรงกันระหว่างฝ่ายการเมืองและฝ่ายกองทัพหรือจะทำอย่างไรถึงจะมีจุดยืนและมีวิธีการร่วมมือกันอย่างไรในภาพรวมอย่างสร้างสรรค์ ท่ามกลางความเห็นที่ยังต่างมุมต่างความคิด

ยังระบุด้วยว่า ในที่ประชุมกรรมาธิการในวันนั้นได้พูดถึงประเด็นปัญหาความมั่นคงอื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการทำบัตรประชาชนของชาวเขา ว่ามีกระบวนการพิจารณาอย่างไร จะมีปัญหาความมั่นคงหรือไม่ หรือประเด็นปัญหาการบังคับใช้กฎหมายด้านความมั่นคงมาตรา 107 - 135 จนถึงประเด็นที่มีการหยิบยกขึ้นมาว่า ผู้บัญชาการทหารบกมีการบรรยาย

ประเด็นที่ผมคิดอยู่ในใจก็คือ ท่าน ผบ.ทบ.เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คำพูดต่าง ๆ หลายคำพูดในการบรรยายในวันนั้น อาจจะมีปัญหากระทบไม่ใช่แค่ในประเทศไทย ยังมีเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในอีกหลายเรื่องด้วย บางเรื่องยังกระทบความมั่นคงอย่างสำคัญ ซึ่งควรจะเข้ามาคุยกันเพื่อกำหนดบทบาทท่าทีให้ตรงกัน

นอกจากนี้ พล.ต.พงศกร ยังได้กล่าวถึงร่างงบประมาณทางการทหารของปี 2563 ว่ามีอยู่ 2 ประเด็นหลักที่อาจจะต้องอภิปรายในรัฐสภา คือ 1.การซื้ออาวุธทางการทหาร ก็ไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะซื้ออาวุธอะไร เพื่ออะไร เกิดผลอย่างไรทำให้เกิดความไม่โปร่งใสในการซื้ออาวุธ และ 2.หากซื้ออาวุธที่ท่านว่ามานี้ จะเกิดต่อความมั่นคงหรือเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันประเทศมากน้อยแค่ไหน เพราะการที่จะป้องกันประเทศได้ต้องมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่ระบบอาวุธ ไปจนถึงยุทธศาสตร์การเตรียมกำลังพลกับอาวุธต้องสัมพันธ์กันหมด ถ้ามีการเตรียมกำลังอย่างหนึ่ง ใช้อาวุธอีกอย่างหนึ่ง การซื้ออาวุธที่ท่านว่าจะไม่เกิดประโยชน์

ดังนั้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้พรรคอนาคตใหม่พบว่า การซื้ออาวุธกับการจัดกำลังพลไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน เหมือนกับว่างบประมาณก็ตั้งแบบที่เคย ๆ กันมา โดยไม่มีเป้าหมายที่จะทำให้กองทัพมีความเข้มแข็งเท่าที่ควร ซึ่งแนวทางของพรรคอนาคตใหม่เห็นว่า กองทัพควรจะมีความเข็มแข็งและมีประสิทธิภาพ โดยใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและโปร่งใสที่สุด 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง