วันนี้ (23 ธ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เผยแพร่คลิป "เสือโคร่ง" ที่อยู่ใกล้กับซากกระทิง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ซึ่งเป็นคลิปที่ถ่ายได้จากกล้องดักถ่ายที่ WWF นำไปติดตั้งไว้รอบซากกระทิง เพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึก หลังจากวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จ.กำแพงเพชร-นครสวรรค์ ได้รายงานว่าพบซากกระทิงเพศเมีย ตัวเต็มวัย นอนตายอยู่บริเวณใกล้ร่องน้ำด้านขวา ก่อนขึ้นมอมะค่า ทางไปแคมป์แม่กระสา ห่างจากเส้นทางเดินรถประมาณ 50 เมตร
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วลงความเห็นว่า สาเหตุการตายเพราะถูกล่าจากเสือโคร่ง เนื่องจากพบร่อยรอยบาดแผลเป็นรอยเขี้ยวบริเวณคอ พบรอยกรงเล็บบริเวณลำตัว พบรอยแทะบริเวณลำตัวด้านท้าย และพบรอยตีนเสือโคร่งขนาดใหญ่บริเวณร่องน้ำ กระทั่งเมื่อตอนสายวันนี้ (23 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ได้เปิดกล้องที่ดักถ่ายไว้ ซึ่งได้ภาพและคลิปชัดเจนว่ากระทิงถูกล่าโดยเสือ
ทีมนักวิจัยของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และนักวิจัยของ WWF ตรวจสอบพบว่าเสือโคร่งตัวที่เห็นในคลิปวิดีโอ ซึ่งกำลังกินซากกระทิง คือเสือโคร่ง HKT 204 หรือ MKM8 เพศผู้ ตัวโตเต็มวัย กำลังเข้าสู่โตเต็มวัยช่วงปลาย ซึ่งจากฐานข้อมูลเสือโคร่งของสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ พบว่าเสือโคร่งตัวนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นลูกของเสือโคร่ง HKT 165 เคยถ่ายภาพครั้งแรกได้เมื่อปี 2556 ต่อมาได้เดินทางมาตั้งถิ่นอาศัยในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ โดยสามารถถ่ายภาพได้ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน
จากเหตุการณ์ที่พบเสือล่ากระทิงในครั้งนี้ ถือว่าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์เป็นผืนป่าที่มีความสำคัญในการใช้เป็นพื้นที่รองรับการกระจายของเสือโคร่งจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตเสือโคร่งที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตกที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ และมีความหลากหลายทางชีวภาพของพืชพรรณและสัตว์ป่าสูง จึงเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมยิ่งในการอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างเสือโคร่ง
ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะหารือวางแผนจับเสือโคร่งตัวนี้ใส่ปลอกคอติดวิทยุประจำตัว เพื่อเก็บข้อมูลระยะยาวของเสือโคร่งในระดับผืนป่า ให้สามารถติดตามประชากรเสือโคร่งได้อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง เพื่อนำมาใช้ประกอบการวางแผนและจัดการเพื่ออนุรักษ์ให้ได้อย่างประสิทธิภาพตามหลักวิชาการต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง:











