วันนี้ (8 ม.ค.2563) นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 แถลงหลักการพิจารณางบฯ 63 โดยระบุว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้ความสำคัญกับความสอดคล้องระหว่างยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเชื่อมกับเป้าหมายระดับชาติ เพื่อให้การดำเนินงานของกระทรวงและหน่วยงานดำเนินการไปตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งการให้ความสำคัญกับเงินนอกงบประมาณหรือรายได้ที่จัดเก็บเอง และการใช้จ่ายจริงในปีงบประมาณที่ผ่านมา ทั้งยังต้องมีตัวชี้วัดสำหรับงบฯ ปีต่อไป จึงปรับลดงบฯ ลง 16,231,217,700 บาท
ในส่วนการปรับลดงบฯ คณะกรรมาธิการได้นำข้อมูลมาประกอบการพิจาณาอย่างเข้มงวด ทั้งโครงการหรือรายการที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือที่ได้ดำเนินการไปแล้ว โดยใช้จ่ายจากการโอน เปลี่ยนแปลงงบประมาณหรือการปรับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2562 หรือเป็นโครงการที่มีการกันเงินไว้เบิกเลื่อมปี
โครงการหรือรายการที่มีเป้าหมายการดำเนินการไม่ชัดเจน ให้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความประหยัด โดยคงเป้าหมายเดิมไว้ได้ เช่น การฝึกอบรม สัมมนา การจ้างเหมาบริการ การจ้างที่ปรึกษา การเดินทางไปราชการต่างประเทศ เป็นต้น
ส่วนโครงการหรือรายการที่ดำเนินการล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้และคาดว่าไม่สามารถใช้จ่ายได้ทันของปีงบฯ 2563 หรือรายการใช้จ่ายผูกพันเดิมที่หมดการจัดซื้อจัดจ้างต่ำกว่าวงเงินงบประมาณที่เสนอไว้ รวมถึงโครงการหรือรายการที่สามารถใช้งบประมาณจากแหล่งอื่น
สำหรับการเพิ่มงบประมาณนั้น คณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้พิจารณาเพิ่มงบประมาณให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานประกันสังคม และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา รวมจำนวน 16,231,217,700 บาท เท่ากับจำนวนที่ปรับลด
ทั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานที่รับงบประมาณได้รับงบฯ สำหรับการรองรับการดำเนินงาน ตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล และยุทธศาสตร์ชาติในวาระต่อไป นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้พิจารณาอนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 จำนวน 1 รายการ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จำนวน 27,576,100 บาท ไปเป็นงบประมาณของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ส.2562
แท็กที่เกี่ยวข้อง: