ตร.สุวรรณภูมิ รวบชายวัย 34 ปี เก็บกระเป๋าเงินได้ไม่ส่งคืนเจ้าของ

เศรษฐกิจ
14 ม.ค. 63
19:33
4,540
Logo Thai PBS
ตร.สุวรรณภูมิ รวบชายวัย 34 ปี เก็บกระเป๋าเงินได้ไม่ส่งคืนเจ้าของ
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับ สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจตรวจค้นเข้าเมือง จับกุมชายวัย 34 ปีหลังเก็บกระเป๋าเงินของนักท่องเที่ยวได้แต่ไม่ส่งคืนเจ้าของ พร้อมแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน

วันนี้ (14 ม.ค.2563) นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฎิบัติการ 1) เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้ทำงานร่วมกับชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้าจับกุมนายณัฐพล พันธุ์หิรัญ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ จ.4/2563 คดีลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2563 ที่ผ่านมา ณ บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นายกิตติพงศ์กล่าวว่า การจับกุมนายณัฐพล ในครั้งนี้สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2563 เวลา 12.30 น. ผู้เสียหายได้เดินทางมาจากต่างประเทศ เมื่อถึง ทสภ.ผู้เสียหายได้เดินมารอรับแลกเงิน บริเวณเคาน์เตอร์แลกเงิน ชั้นใต้ดินและได้ทำกระเป๋าสตางค์หล่นหาย ซึ่งภายในมีทรัพย์สิน 8,000 - 9,000 บาทและทองคำครึ่งสลึง จึงมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อลงประจำวันเป็นหลักฐานและขอตรวจสอบภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด (CCTV) ย้อนหลัง ภายหลังการรับแจ้งเหตุ ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ทอท.ร่วมกับฝ่ายรักษาความปลอดภัย ทสภ.ได้เร่งตรวจสอบกล้อง CCTV ตามวัน และเวลาดังกล่าว พบภาพผู้ต้องสงสัยเป็นชายไทย ผิวดำ สะพายเป้สีแดง ได้ก้มหยิบกระเป๋าดังกล่าวไปและได้เดินทางออกไปโดยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการสืบค้นชื่อผู้ต้องสงสัย ต่อมาทราบชื่อภายหลัง คือนายณัฐพล พันธุ์หิรัญ อายุ 34 ปี เป็นผู้หยิบเอาทรัพย์สินไป

จากการบูรณาการร่วมของหน่วยงาน ทั้ง ทสภ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจตรวจค้นเข้าเมืองทำให้สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในที่สุด เมื่อเช้าวันที่ 14 ม.ค.2563 ซึ่งผู้ต้องหาได้ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงจึงได้ทำบันทึกจับกุมส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ซึ่งความผิดในข้อหาลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน ตามมาตรา 335 จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 5 ปี หรือ ปรับ 20,000 - 100,000 บาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง