วันนี้ (24 ก.พ.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น เวลา 15.48 น. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ยังอภิปรายนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกว่า นายกรัฐมนตรี ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ไทยเสียค่าโง่ จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2560 เรื่องต่ออายุศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง
เพราะไม่ปฏิบัติตามมติ ครม.และคำแนะนำของอัยการสูงสุด ที่ให้คำปรึกษาและทักท้วงทั้งข้อกฎหมายว่าการต่อสัญญาศูนย์ประชุมฯ ไม่สามารถทำตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนได้
ปัจจุบันศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ถูกทุบทิ้งไปหมดแล้ว แต่ที่ไปเชื่อมโยงกับบริษัทเจ้าสัว เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวกำลังถูกพัฒนาให้เข้ากับโครงการ New CBD Bangkok โดยรอบถนนพระราม 4 จะมีแผนย้ายโรงงานยาสูบและคนที่ได้ประโยชน์จะเป็นบริษัทในเครือ ตรงนี้จึงไม่ส่งผลให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม แต่เรียกว่าล็อกสเปก
นายยุทธพงศ์อภิปรายว่า ทุกวันนี้ความเสียหายเกิดขึ้น ทุบตึกศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์แล้ว ซึ่งอัยการสูงสุดได้ทักท้วงถึง 2 ครั้ง แต่ ครม.กลับต่ออายุสัมปทานถึง 50 ปี ทั้งที่ควรใช้สัญญาร่วมทุน
อัยการสูงสุดแนะนำให้เข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน พร้อมมีข้อทักท้วง 10 ข้อ เช่น การรื้อถอนอาคารศูนย์ประชุมฯ เพื่อทำผังใหม่ อาจอยู่นอกขอบเขตและวัตถุประสงค์ของโครงการเดิม พร้อมตั้งคำถามเรื่องการต่อสัญญา, ให้ กก.พิจารณาพื้นที่ที่ไม่คิดค่าตอบแทนว่าเหมาะสมหรือไม่, การประกอบกิจการโรงแรมขัดวัตถุประสงค์ของโครงการที่แก้ไข พร้อมตั้งคำถามเรื่องการต่อสัญญา, ให้ กก.พิจารณาพื้นที่ที่ไม่คิดค่าตอบแทนว่าเหมาะสมหรือไม่, การประกอบกิจการโรงแรมขัดวัตถุประสงค์ของโครงการที่แก้ไข
นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ยกตัวอย่างห้างฯ ที่ต่อสัญญาการรถไฟ หรือจุฬาฯ แต่ศูนย์ประชุมฯ ที่ถูกทุบไปแล้ว เรียกว่าทำใหม่ ไม่ใช่ต่อสัญญา ซึ่งพื้นที่ 53 ไร่ ที่ให้บริษัทในเครือเจ้าสัวเช่า 50 ปี ประเมินมูลค่าโดยบริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะค่าเช่าถูกมาก จึงกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ระมัดระวัง ไม่รอบคอบ ทำให้ประเทศเสียประโยชน์
นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า เอกสารแนบท้ายสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม ต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับค่าปรับกรณีไม่ก่อสร้างตามสัญญา
ผมชมอัยการสูงสุดว่า ได้ทำหน้าที่อย่างเหมาะสม รักษาผลประโยชน์ประเทศ จึงมีข้อทักท้วงและเสนอแนะ 10 ข้อ โดยเน้นให้กรมธนารักษ์ตรวจสอบสัญญาอย่างรอบคอบรัดกุม พร้อมถามกลับว่าได้ตรวจสอบแล้วหรือไม่ ขอให้ ครม.ไปติดตามด้วย
คุณประยุทธ์ไม่สนใจข้อทักท้วงอัยการสูงสุด และไม่ฟังความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน ให้แข่งขันอย่างเป็นธรรม เพราะหลายบริษัทสนใจพื้นที่ดังกล่าว
นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า ครม.ต้องพิจารณาตามความเห็นของอัยการสูงสุด และ สคร.อีกครั้ง ยังไม่สายเกินไป ซึ่งที่กล่าวหานั้นเพื่อให้เห็นว่าคุณประยุทธ์ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 164 ในการบริหารราชการแผ่นดิน ละเมิดหลักนิติธรรม พัวพันเจ้าสัวโดยไม่ได้คำนึงผลประโยชน์ของรัฐ คุณประยุทธ์จึงไม่สมควรอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ต่อไป
นายยุทธพงศ์อภิปรายต่อถึงกรณีการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ระบุว่า คุณประยุทธ์เหิมเกริมต่ออำนาจ ใช้อำนาจในทางที่ทุจริต มีการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว มีส่วนต่อขยายเขียวเหนือและเขียวใต้ เงินลงทุน 8 หมื่นล้านบาท ที่ รฟม.ลงทุน แต่รัฐบาลคุณประยุทธ์ โอนมาให้เป็นของ กทม. พร้อมหนี้ ซึ่งเป็นการฮั้วประมูล
พ.ร.บ.ร่วมทุน ประกาศใช้ 10 มี.ค.2562 แต่กลับใช้ มาตรา 44 เป็นการเร่งรีบ ไม่รอบคอบทั้งที่กฎหมายมีผลใช้แล้ว โดยระบุว่าเพื่อให้โครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวเดินรถได้อย่างต่อเนื่องและอัตราค่าโดยสารเหมาะสม ตั้งข้อสังเกตกรณีไม่ใช่ พ.ร.บ.ร่วมทุน เนื่องจากต้องการให้เป็นสัญญาเดียว ไม่เกิดการแข่งขัน
นายยุทธพงศ์กล่าวว่า กทม.มีสัญญาว่าจ้างบริษัทบีทีเอสเดินรถอยู่แล้ว เหตุใดจึงใช้ มาตรา 44 ซึ่งคุณประยุทธ์ละเมิดกฎหมาย มีเจตนาเพื่อให้การแก้ไขสัญญาสัมปทาน ยกเว้นไปต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การร่วมลงทุนที่เพิ่งบังคับใช้เพียง 30 วัน พร้อมตั้งคำถามว่ามีผู้ขอให้ออก ม.44 หรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันทั้งที่สัญญาเหลืออีก 10 ปี
นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ประเด็นที่ 4 อภิปรายถึงเหตุลูกเรือจีนถูกยิงเสียชีวิตที่เชียงแสน 13 คน ปี 2554 แต่นายทหารที่พัวพันในคดีกลับเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ขอให้คุณประยุทธ์ตรวจสอบและดำเนินการ
การตรวจสอบทรัพย์สินพบการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับส่วนร่วม คุณประยุทธ์ไม่ยึดหลักธรรมาธิบาล ไม่ชี้แจงให้เกิดความโปร่งใสเกี่ยวกับเงิน 466 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซักฟอก “ประยุทธ์” ขุดอำนาจ คสช. เชื่อมโยงคดีทุจริตระดับโลก
หน.ฝ่ายค้านฯ เปิดซักฟอก นายกฯ- รัฐมนตรี
"ยุทธพงศ์" เปิดแผลพ่อประยุทธ์ซื้อขายบ่อปลา 600 ล้าน
แท็กที่เกี่ยวข้อง: