วันนี้ (23 มี.ค.2563) จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้กรุงเทพมหานครมีคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงหลายแห่งทั่ว กทม. เพื่อลดความแออัดในพื้นที่สาธารณะ อีกทั้งประชาชนยังเริ่มตื่นตัวในการป้องกันตนเองหลังผู้ป่วยสะสมในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 721 คน
หลายอาชีพก็เริ่มได้รับผลกระทบ อย่างนายมานิต มั่นใจ คนขับแท็กซี่ อายุ 35 ปี เล่าว่า ตั้งแต่เริ่มมีสถานการณ์การแพร่ระบาดก็ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา แทบไม่มีลูกค้ามาใช้บริการ โดยออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 05.00 น. จนถึง 21.00 น. มีผู้โดยสารใช้บริการเพียง 4 คนเท่านั้น
ได้ลูกค้าวันละ 3-4 คน มา 10 วันแล้ว ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 รายได้วันละไม่ถึงพัน เงินมีพอกินอย่างเดียว ไม่พอใช้หนี้ ต้องจ่ายค่าเช่า

หลังเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดจนลูกค้าแทบไม่มี จึงตัดสินใจให้บริการแกร็บ เพราะหวังว่าจะเพิ่มรายได้ในแต่ละวัน แต่ปรากฏว่าตั้งแต่มีไวรัสระบาดก็ไม่มีคนเรียกใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันเลย เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หนักสุดตั้งแต่ขับรถแท็กซี่มา 3 ปี โดยคาดว่าอีกไม่นานคงต้องเอารถไปรีไฟแนน เพื่อลดค่าใช้จ่ายรายเดือน
ขับมา 3 ปี วันนี้ถือว่าหนักสุดเท่าที่เคยเจอมา เคยมีเหตุการณ์ที่หนักกว่านี้ อย่างเคอร์ฟิวก็ยังวิ่งได้ แต่มีไวรัส คนไม่ออกจากบ้าน ก็เข้าใจเขาเพราะกังวล แต่เราก็แย่เหมือนกัน คนที่ได้รายได้ดีในช่วงนี้ก็คงเป็นคนเดลิเวอรี่อาหาร

ทั้งนี้ นายมานิต ระบุว่า แม้จะมีลูกค้ามาใช้บริการน้อย แต่ก็ยังรักษาความสะอาด โดยเมื่อส่งผู้โดยสารแล้วจะเปิดกระจกระบายอากาศทุกครั้ง พร้อมเช็ดเบาะ และประตูด้วยแอลกอฮอล์เสมอ ส่วนตัวก็จะสวมหน้ากากผ้า เนื่องจากหาหน้ากากอนามัยไม่ได้ และหวังว่ารัฐบาลจะมีมาตรการมาช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤตเช่นนี้
ถามว่ากลัวไวรัสไหม ก็ต้องบอกว่ากลัว แต่ถ้าไม่ออกมาก็ไม่มีเงินกิน ก็พยายามป้องกันตัวเองเท่าที่ทำได้ และทำความสะอาดเพื่อป้องกันผู้โดยสารคนอื่นๆ ด้วย