วันนี้ (27 เม.ย.2563) น.ส.วัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยว่า ไม่ได้คาดหวังว่ารัฐบาลจะพิจารณาปลดล็อกดาวน์ภายในวันนี้หรือไม่ แต่เชื่อมั่นมาตรการดูแลของรัฐบาลและเอกชนก็พร้อมจะทำตามนโยบายของรัฐ เพื่อควบคุมโรคระบาด COVID-19
ขณะนี้เอกชนได้จัดทำแผนแม่บท 5 ข้อ กว่า 75 มาตรการ คือ 1.การคัดกรองอย่างเข้มงวด 2.มาตรฐาน (Social Distancing) ทุกจุด 3.การติดตามเพื่อความปลอดภัย 4.การใส่ใจความสะอาดทุกจุดสัมผัส และ 5.แนวทางลดการสัมผัส เพื่อยกระดับมาตรการความสะอาดและความปลอดภัยขั้นสูงสุดในเชิงรุกรองรับการปลดล็อกดาวน์ไว้ล่วงหน้าแล้วที่สามารถนำมาปฎิบัติได้จริงกับศูนย์การค้า ร้านค้า และพนักงาน รวมถึงรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป (New Normal)
แผนแม่บททั้ง 5 ข้อจะไม่สงวนสิทธิ์โดยร้านค้าปลีกในประเทศสามารถนำไปใช้และกำหนดเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้กับสังคม ซึ่งแผนแม่บทดังกล่าว จะเป็นหนึ่งในมาตรการที่จะเสนอนายกรัฐมนตรี หลังจากได้รับหนังสือ โดยบริษัทฯจะเสนอไปยังสภาหอการค้าไทย หลังจากที่บริษัทได้บริจาคเงินให้รัฐบาลแล้ว 40 ล้านบาท
ยืนยันว่า จะไม่มีการจัดกิจกรรมใด ๆ ภายในพื้นที่ศูนย์การค้าฯเพื่อลดความหนาแน่นของผู้บริโภค แต่ละมาตรการจะเน้นคัดกรองคนที่จะเข้าในศูนย์การค้าฯ ตั้งแต่วัดอุณหภูมิทุกคนก่อนเข้าศูนย์การค้าและทุกร้านสวมหน้ากากตลอดเวลา โดยพนักงานที่บริการใกล้ชิดลูกค้าต้องสวม Face Shield และสวมถุงมือและมีมาตรการเข้มงวดพิเศษสำหรับเดลิเวอรี่ Man
ส่วนมาตรการ Social Distance จะดำเนินการทุกจุดโดยเฉพาะการจำกัดจำนวนคนเข้าศูนย์การค้า ไม่เกิน 1 คนต่อ 5 ตารางเมตร ยกตัวอย่าง หากพื้นที่ศูนย์การค้ามีจำนวน 100,000 ตารางเมตร จะจำกัดลูกค้าเข้าศูนย์การค้าไม่เกิน 20,000 คน และร้านค้าจะจำกัดไม่เกิน 20 คน ขณะที่พื้นที่ส่วนกลาง ลิฟท์-บันไดเลื่อน ห้องน้ำ ต้องรักษาระยะห่าง 1 - 2 ม.ทุกจุด จัดคิวรอและพื้นที่นั่งคอย สำหรับร้านค้าและ Delivery man
นอกจากนี้ การติดตามจะเช็ดทำความสะอาดทุกจุดสัมผัสทุก 30 นาที ทั้งศูนย์การค้าและทุกร้านค้า และฆ่าเชื้อหลังเปิดศูนย์ สำหรับร้านค้าภายในศูนย์การค้าจะเข้มงวดการให้บริการต้องจัดที่นั้งห่างไม่ต่ำกว่า 1 ม.
เบื้องต้นได้นำแผนแม่บท 5 ข้อใช้ในศูนย์การค้าฯในจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมาจำนวน 2 สัปดาห์ มีลูกค้ากลับมาใช้บริการร้อยละ 25 จากจำนวนลูกค้าทั้งหมด และคาดหวังว่า ประชาชน ภาครัฐ และเอกชนต้องร่วมกันสร้างวินัยเพื่อควบคุมโรค
ส่วนมาตรการช่วยเหลือร้านค้าที่มีการสต็อกสินค้า มีกระแสเงินสดไม่เกิน 3 เดือน ทางห้างฯได้ช่วยเหลือด้วยการลดค่าเช่าลงร้อยละ 25 - 100 โดยหากกลับมาเปิดร้านค้าจะยังคงมีมาตรการดูแลช่วยเหลือเช่นเดิมยาวจนกว่าผู้ค้าจะกลับมาปกติ