วันนี้ (28 เม.ย.2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงข่าวหลังการประชุม ครม. โดยระบุว่า ครม.มีมติต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก 1 เดือน และยังคงประกาศเคอร์ฟิวไว้ตามเวลาเดิม ทั้งนี้ยืนยันว่าตนรับทราบความลำบากของประชาชนทุกท่านโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งรัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาต่อไป โดยตอนนี้ได้ขยายฐานไปกว่า 10 ล้านคนแล้ว
ส่วนการผ่อนปรนจะมีหลักการจากส่วนกลาง ซึ่งจะนำไปใช้ทั้ง กทม.และต่างจังหวัด ซึ่งจะกำหนดการเปลี่ยนแปลงที่จะค่อยๆ ผ่อนคลายจาก 100% แบ่งเป็น 4 ระยะ ระยะละ 14 วัน แบ่งเป็นส่วนๆ จะประกาศตามระยะเวลาที่กำหนด
เราต้องคิดถึงความปลอดภัย มาตรการสาธารณสุขจึงสำคัญอยู่ อะไรผ่อนได้ก็ผ่อนไป หากผ่อนไปแล้วระบาดอีกก็ต้องปิดอีก
อย่างไรก็ตามขอทุกคนอย่าเพิ่งกดดันและเรียกร้องการปลดล็อกมากนัก เพราะในทางปฏิบัติต้องพิจารณาข้อมูลหลายส่วน โดยเฉพาะข้อมูลจากท้องถิ่นและมหาดไทยที่อยู่กับประชาชนมากที่สุด เพื่อระวังไม่ให้กลับมาระบาด ไม่อย่างนั้นจะเสียเปล่าทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า จากการรับฟังเอกชนขนาดใหญ่ 20 ราย ไม่มีใครให้เงินรัฐบาล เพียงแต่จะเข้ามาดูแลคนในห่วงโซ่อุปทานของเขา เช่น รักษาการจ้างงาน หรือจะทำอย่างไรที่จะช่วยแรงงาน ฯลฯ ส่วนข้อเสนอที่จะช่วยดูแลด้านเศรษฐกิจ มีความเห็นตรงกัน เช่น การบริหารจัดการน้ำ การช่วยจัดการแหล่งน้ำ การขุดแหล่งน้ำ ฯลฯ
นอกจากนี้ภาคเอกชนสัญญาว่าจะช่วยประชาชนมากขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ ร่วมมือกับรัฐบาลต่อไป และตนเองเพิ่งทราบว่าหลายเรื่องเอกชนดำเนินการอยู่แล้ว ดังนั้นเวลานี้จึงเป็นเวลาที่เราควรร่วมมือกันมากที่สุด
ขณะที่การให้ข้อมูลปัจจุบันยังมีปัญหา โดยเฉพาะเฟกนิวส์ที่มีการเผยแพร่คำพูดที่บิดเบือนจนกระทบการทำงานจึงต้องใช้กฎหมายดูแล โดยการใช้กฎหมายไม่ใช่การละเมิดท่าน แต่ท่านละเมิดผู้อื่นก็ต้องถูกดำเนินการ ซึ่งปกติมี พ.ร.บ.คอมฯ และกฎหมายหมิ่นประมาท แต่ตอนนี้ต้องย้ำว่ามี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งแรงกว่าปกติ หลายคนอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ไปสู้ต่อในศาลแล้วกัน
แท็กที่เกี่ยวข้อง: