วันนี้ (3 พ.ค.2563) พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.สส. หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศบค.) กล่าวว่า การจัดตั้งด่านตรวจ COVID-19 และอื่นๆ ที่ผ่านมาถือว่าควบคุมได้ อาจมีการเล็ดรอดในแนวชายแดนทางบกบ้าง บุคคลที่เข้ามาก็ได้รับการกักกันโรคครบทุกคน
การประกาศผ่อนคลายมีผลวันนี้วันแรก การผ่อนคลาย โดย 2 วันที่ผ่านมา มีการเดินทางจำนวนมาก ซึ่งอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนโดยผ่อนคลายมาตรการที่รัฐกำหนด แต่ไม่เป็นการผ่อนคลายให้กับตัวเอง เข้าใจว่าการ์ดตกได้บ้าง เรายังการ์ดตกไม่ได้ เช่น การเดินทางยังไม่ประสงค์ให้ทำ
ส่วนกรณีสถานการณ์ประกอบการต่างๆ พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า ผู้ประกอบการจะต้องจัดให้มีการดำเนินการตามมาตรการเช่น การทำความสะอาดพื้นผิว ผู้ให้บริการสวมหน้ากาก มีเจล สบู่ให้ล้างมือ มีการเว้นระยะ และทำทุกวิธีไม่ให้แออัด ซึ่งความรับผิดชอบในการควบคุมดูแลสิ่งเหล่านี้ จะอยู่ที่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าฯกรุงเทพฯ ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขกำลังจัดทำคู่มือความหนากว่า 100 หน้า และชุดตรวจเพื่อใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ยกตัวอย่างซูเปอร์มาร์เก็ตต้องนับคนเข้าออกไม่ให้เกินจำนวน หรือเกิดความแออัด หากสถานประกอบการไม่ดำเนินการต้องเตือน หากไม่ทำตามก็จะถูกสั่งปิด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย
พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ทำหน้าที่ในการตรวจจะเริ่มที่ให้คำแนะนำ เช่น กทม.ตั้งทีมในการตรวจ เช่น ผอ.เขต สำนักอนามัย และสำนักการโยธา รวมกันออกตรวจสถานประกอบการที่กลับมาเปิดกิจการ ซึ่งผู้ใช้บริการมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ให้บริการ ปรับปรุงการจัดการได้ หากรู้สึกไม่ปลอดภัยในมาตรการต่างๆ สามารถร้องเรียนได้ที่ เช่น กทม.สายด่วน 1555 ทำเนียบรัฐบาล 1111
หน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง จากเดิมการตั้งจุดตรวจ COVID-19 จุดตรวจเคอร์ฟิว การแก้ไขสถานการณ์เข้าออกทั้งทางบกและทางอากาศ จากนี้ไปจะเป็นการตรวจประเมินความพร้อมของสถานประกอบการอย่างเข้มข้นในช่วง 28 วันจากนี้ไป
พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวด้วยว่า การปฏิบัติในด่านตรวจจะยังเข้มงวดต่อไป แม้จะปรับลดกำลังในจุดตรวจ และจะเน้นการสุ่มตรวจ หากทุกคนยังมาตรฐานการ์ดสูงไม่ผ่อนคลายและทำให้การ์ดตก เชื่อว่าในอีก 28 วันเราจะมีข่าวดี
แท็กที่เกี่ยวข้อง: