วันนี้ (16 พ.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า หลังจากกที่ ศบค.มีมติให้ปรับเวลาเคอร์ฟิว โดยห้ามออกจากเคหสถาน จากเดิมเวลา 22.00 - 04.00 น. เป็นเวลา 23.00 - 04.00 น. นั้น
รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที จะขยายเวลาให้บริการจากเดิมปิดเวลา 21.30 น. เปลี่ยนเป็นเวลา 22.30 น. ในทุกสถานี ทั้งสายสุขุมวิท และสายสีลม ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.นี้เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร
แต่อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 จะดีขึ้น แต่รถไฟฟ้าบีทีเอสยังเข้มงวด และเพิ่มความถี่ฉีดพ่นและเช็ดทำความสะอาดภายในขบวนรถไฟฟ้า และจุดสัมผัสร่วมภายในสถานี รวมถึงบริเวณรอบสถานีด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ควบคู่กับการคัดกรองผู้มาใช้บริการ โดยตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าสู่ระบบ หากมีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียส จะไม่อนุญาตให้เข้าใช้บริการ และยังคงเน้นมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร

แนะเผื่อเวลาเดินทาง-เคร่งครัดมาตรการป้องกัน
บีทีเอสยังแนะนำผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้า เผื่อเวลาในการเดินทางให้มากขึ้น สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง ตลอดเวลาที่อยู่ในระบบรถไฟฟ้า รวมถึงก่อนเข้าและออกจากระบบรถไฟฟ้าควรล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง โดยบีทีเอสได้จัดเตรียมแอลกอฮอล์ให้บริการที่โต๊ะตรวจการหน้าทางเข้า-ออกทุกสถานี นอกจากนี้ในชั่วโมงเร่งด่วนที่มีจำนวนผู้โดยสารหนาแน่น ควรหลีกเลี่ยงการพูดคุยกันภายในขบวนรถ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ส่วนบริเวณลานจอดแล้วจร (สถานีหมอชิต) จะเปิดให้บริการจอดรถฟรีตามเวลาปกติ ตั้งแต่เวลา 05.00 - 01.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.นี้นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บีทีเอส โทรศัพท์ 0 2617 6000 ตั้งแต่เวลา 06.00 -21.00 น. หรือเช็คสถานะการเดินรถได้ที่แอปพลิเคชัน BTS SkyTrain
กรมรางฯ ออก 5 มาตรการคุมบริการรถไฟ-รถไฟฟ้า
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า ขร.ได้ประกาศมาตรการพึงปฏิบัติ การจัดการระบบขนส่งทางราง เพื่อขอความร่วมมือผู้ให้บริการระบบขนส่งทางราง ทั้งรถไฟและรถไฟฟ้าปฏิบัติเพิ่มเติม ดังนี้
1. ดำเนินการเปิดให้บริการให้สอดคล้องตามข้อกำหนดโดยสมควรเปิดให้บริการเดินระบบรถไฟและรถไฟฟ้า ระหว่างวันภายหลังเวลา 04.00 น.โดยปิดให้บริการ ณ สถานีปลายทางในเวลา 22.30 น.โดยประมาณ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้โดยสารให้สามารถกลับถึงเคหสถานก่อนเวลา 23.00 น.
2. บริหารจัดการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารให้เพียงพอ สอดคล้องกับปริมาณความต้องการเดินทางในแต่ละวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าและเย็น ควบคู่กับการเว้นระยะห่างทางสังคมภายในสถานีและในขบวนรถอย่างเคร่งครัด
3. เพิ่มความเข้มงวดดูแลรักษาสภาพรถ สภาพทางและอุปกรณ์ ไม่ให้เกิดความขัดข้องในการบริการและให้มีแผนปฏิบัติการรองรับ กรณีเกิดเหตุขัดข้องหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมทั้งประสานแจ้งกรมการขนส่งทางรางทันที เพื่อบูรณาการการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วทันการณ์
4. เพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์ข้อพึงปฏิบัติสำหรับผู้โดยสาร และแจ้งให้ทราบ กรณีมีเหตุขัดข้องหรือสถานการณ์ฉุกเฉินอันก่อให้เกิดความล่าช้าหรือความไม่สะดวกในการใช้บริการ เพื่อประกอบการวางแผนการเดินทางและการเผื่อเวลาในการเดินทาง
5. เพิ่มความเข้มข้นป้องกันและเฝ้าระวัง COVID-19 ของผู้ปฏิบัติงานภายในสถานีและขบวนรถที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้โดยสารจำนวนมาก จะต้องสวมหน้ากากอนามัย ถุงมือ หรืออุปกรณ์ป้องกันตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งจัดทำทะเบียนข้อมูลผู้ปฏิบัติงานในแต่ละวันและช่วงเวลา สำหรับกรณีจำเป็นต้องมีการสอบสวนโรค
ทั้งนี้ ให้เริ่มปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.นี้เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 จะคลี่คลายหรือมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เฮลั่น! ตัวเลขป่วย COVID-19 "ศูนย์คน"-ไม่เสียชีวิตเพิ่ม
ขสมก.คาดเปิดห้างฯ มีผู้โดยสารรถเมล์เพิ่มวันละ 1 แสนคน
เปิดเดินรถไฟ "ขบวนพิเศษ-ชานเมือง" 18 พ.ค.นี้
แท็กที่เกี่ยวข้อง: