วันนี้ (8 มิ.ย.2563) นายวิเชียร ชวลิต รองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านออกมาระบุถึงปัญหาที่ประชุมห้ามแปรญัตติปรับลด อาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย ใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาเกี่ยวกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี หลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 จึงบังคับใช้กับร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายด้วย
ซึ่งคณะกรรมาธิการต้องมาดูรายละเอียด ว่าการพิจารณาปรับลดสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ทั้งการปรับลดงบดำเนินงานและงบประจำ เช่น งบฝึกอบรม งบประชาสัมพันธ์ งบเดินทางต่างประเทศ อีกส่วนคืองบลงทุนที่ไม่สามารถประกาศจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในวันที่ 7 เมษายน และที่ไม่สามารถลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งก็อยู่ระหว่างตรวจสอบและคิดว่าผ่านไปได้เรียบร้อย
ส่วนที่ฝ่ายค้านบอกว่า การไม่ให้ปรับลดงบ อาจทำให้เกิดปัญหาขัดต่อรัฐธรรมนูญ นายวิเชียร กล่าวว่า เนื่องจากการปรับลดงบประมาณเกี่ยวข้องกับส่วนราชการและมติคณะรัฐมนตรี หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่มติคณะรัฐมนตรีกำหนดและส่วนราชการยินยอม ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขในรายการนั้น ซึ่งเบื้องต้นก็มีกรรมาธิการแสดงความเห็นแปรญัตติหลายคน แต่ขณะนี้การพิจารณายังไม่มีการลงมติ โดยพิจารณาคืบหน้ามาถึงมาตรา 4
ทั้งนี้มีรายงานจากในกรรมาธิการว่า กระบวนการมีปัญหาติดขัดเกี่ยวกับการแปรญัตติปรับลดงบประมาณ เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรรับหลักการร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณในวงเงิน 88,000 ล้านบาทไปแล้ว และไม่สามารถปรับเปลี่ยนวงเงินได้ ซึ่งการแปรญัตติปรับลดงบประมาณในส่วนใดส่วนหนึ่ง จะทำให้เกิดส่วนต่างที่เหลือขึ้นมา ซึ่งปกติแล้วหากเป็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีทั่วไป งบที่ถูกตัดจะถูกนำไปรวมในกองกลาง
แต่ร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายไม่มีกองกลางสำหรับงบประมาณที่ถูกตัด แล้วไม่สามารถนำไป เพิ่มให้โครงการอื่น ๆ ได้เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ที่ห้ามแปรญัตติเพิ่ม จึงคาดว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดตามที่มีการเสนอมา ขณะที่ฝ่ายค้านก็เตรียมเช็คลิสต์งบประมาณที่ถูกตัด ซึ่งถือว่าเป็นงบประมาณที่ส่วนราชการยอมรับว่าไม่จำเป็น และจะนำไปประกอบการพิจารณาปรับลดในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ในโอกาสต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง: