วันนี้ (9 มิ.ย.2563) ที่ประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร รับทราบการเตรียมความพร้อมแนวทางการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัด กทม.จะเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ของสำนักการศึกษา ซึ่งแบ่งเป็น 2 รูปแบบคือโรงเรียนขนาดเล็ก จำนวน 204 โรงเรียน จัดการเรียนการสอนตามปกติ ให้มาโรงเรียนทุกวัน ใน 1 ห้องเรียนมีนักเรียน 20 คน ให้เว้นระยะห่างทางสังคมทั้งเวลาเรียน ช่วงเวลาพักและการรับประทานอาหาร

สำหรับโรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ มี 233 โรงเรียน แบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ รูปแบบที่ 1 แบบสลับวันเรียน ใช้กับโรงเรียนขนาดกลาง เช่น อนุบาล ประถมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนต้น มาเรียนวันอังคาร วันพฤหัส ส่วนประถมศึกษาตอนปลาย และมัธยมศึกษาตอนปลาย มาเรียนวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ ซึ่งในวันที่ไม่ได้มาเรียนตามปกติให้เรียนทาง Online และ On Air ให้ครูควบคุมดูแล มอบแบบฝึกหัด การบ้าน ใบงานหรือกิจกรรมให้ไปทำที่บ้าน และให้นับเวลาการเรียนช่องทางดังกล่าวชดเชยการเรียนในช่วงเวลาปกติได้
รูปแบบที่ 2 มาเรียนปกติร่วมกับสลับวันเรียน ใช้กับโรงเรียนขนาดใหญ่และโรงเรียนขนาดใหญ่มาก คืออนุบาล ประถมศึกษาตอนต้น ให้มาเรียนตามปกติ ส่วนประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษา ให้สลับวันมาเรียน

ในส่วนของการวัดและประเมินผลระดับปฐมวัย จะใช้วิธีการสังเกตพฤติกรรม การพูดคุย การซักถาม การตรวจสอบชิ้นงาน โดยครูประสานผู้ปกครอง ร่วมกันประเมิน พัฒนาการด้านต่างๆ ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาใช้การประเมินหลายรูปแบบร่วมกัน อาทิ การเข้าชั้นเรียน การสังเกตพฤติกรรม การประเมินผลงาน การสัมภาษณ์ พูดคุย ซักถาม การทำแบบทดสอบออนไลน์ การทดสอบด้วยข้อสอบแบบเขียนตอบหรือความเรียงแบบออนไลน์
สำหรับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ได้แก่มาตรการดูแลระหว่างการเดินทางมาโรงเรียน กรณีเดินทางด้วยรถตู้โดยสาร ให้คนขับรถสวมหน้ากาก อนามัยและทำความสะอาดเบาะที่นั่งก่อนรับ-ส่งนักเรียนทุกครั้ง หากผู้ปกครอง มาส่งเองจัดพื้นที่หน้าโรงเรียนให้และวัดอุณหภูมิทุกครั้ง

กิจกรรมหน้าเสาธงในโรงเรียนขนาดเล็กและมีพื้นที่ ให้นักเรียนร่วมกิจกรรมได้ปกติ เว้นระยะห่าง กรณีมีพื้นที่จำกัด ให้นักเรียนเข้าแถวที่โต๊ะในห้องเรียนหรือเข้าแถว หน้าห้องเรียน ส่วนมาตรการในห้องเรียน จัดโต๊ะเรียนไม่เกิน 20 ตัว แต่ละตัวเว้นระยะห่าง 1.5 เมตร ทำความสะอาดห้องเรียน โต๊ะ เก้าอี้ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทั้งก่อนเรียน พักกลางวันและหลังเลิกเรียน
ขณะที่มาตรการรับประทานอาหารทั้งในห้องเรียนและโรงอาหาร ให้เหลื่อมเวลา โดยในโรงอาหารต้องมีฉากพลาสติกใสกั้น เว้นระยะห่าง แม่ครัว พนักงาน ต้องใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือ สำหรับการจัดการเรียนการสอนของเด็กพิเศษ (เรียนร่วม) เป็นแบบปกติ มาเรียนได้ทุกวัน โดยเว้นระยะห่างและกำหนดสัดส่วนครู 1 คนต่อนักเรียน 6 คนต่อ 1 ห้องเรียน
แท็กที่เกี่ยวข้อง: