กสม.สั่งทบทวน EIA "เหมืองหินอมก๋อย" ละเมิดสิทธิมนุษยชน

สิ่งแวดล้อม
15 ก.ค. 63
10:54
7,617
Logo Thai PBS
กสม.สั่งทบทวน EIA "เหมืองหินอมก๋อย" ละเมิดสิทธิมนุษยชน
กสม.สั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทบทวนอีไอเอโครงการเหมืองแร่ถ่านหิน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ชี้ละเมิดสิทธิมนุษยชน พบตุกติกนำรายชื่อชาวบ้านเข้ามาใส่เห็นชอบกับโครงการ และขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ห่วงกระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์

วันนี้ (15 ก.ค.2563) นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า จากการพิจารณารายงานผลการตรวจสอบกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียในโครงการเหมืองแร่ถ่านหินในพื้นที่หมู่บ้านกะเบอะดิน ต.อมก๋อย อ.ออมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งชาวบ้านได้เข้าร้องเรียนต่อกสม.ช่วงเดือนธ.ค.2562 โดยระบุว่า เมื่อปี 2542 บริษัทเอกชนได้ยื่นคำขอประทานบัตรประ กอบกิจการเหมืองแร่ถ่านหิน ต่อสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ โดยชาวบ้านเห็นว่าการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนประกอบการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม  EIA) มีข้อบกพร่องหลายเรื่อง เช่น ผู้เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นบางส่วนยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีลายนิ้วมือ หรือลาย มือชื่อของชาวบ้านที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นเป็นผู้เข้าร่วมประชุม จึงไม่ถูกต้องและไม่สามารถนำไปใช้ประกอบการพิจารณาการขอประทานบัตรเหมืองแร่ได้ จึงขอให้ตรวจสอบ

ประธาน กสม. กล่าวว่า ในการประชุม กสม. ด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา กสม.ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าว มีความเห็นว่า การขออนุญาตประกอบกิจการเหมืองแร่ถ่านหิน ต้องมีการจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนตามกฎหมายอยู่ 2 ส่วนด้วยกัน

จี้สผ.ทบทวนโครงการให้ครบถ้วน

ส่วนที่ 1 เป็นการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560 จากการตรวจสอบพบว่า สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการตามมาตรา 56 แห่งพ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560 เพื่อจัดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของชุมชนเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2562 แต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถจัดประชุมได้เนื่องจากมีประชาชนคัดค้าน ต่อมาภายหลัง สำนักงานอุตสาหกรรมจ.เชียงใหม่ได้มีการหารือร่วมกันกับประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อตกลงในการกำหนดวันและสถานที่สำหรับการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของชุมชนตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป

ถือว่าเป็นการทำหน้าที่เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นตามที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ประกอบพ.ร.บ.แร่ 2560 ดังนั้นกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนในส่วนนี้ จึงยังไม่ปรากฏว่ามีการกระทำ หรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ในส่วนที่ 2 เป็นกรณีการดำเนินกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อประกอบการจัดทำรายงาน EIA ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 จากการตรวจสอบพบว่า ในการจัดประชาคมหมู่บ้านกะเบอะดิน ต.อมก๋อย ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชา ชน มีข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เช่น มีประชาชนยืนยันว่าไม่เคยเข้าร่วมการประชุมมาก่อน แต่กลับปรากฏรายชื่อเป็นผู้เข้าร่วมการประชุมและลงชื่อเห็นด้วยกับโครงการเหมืองแร่

นอกจากนี้ในชั้นการพิจารณารายงาน EIA คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงาน EIA ด้านเหมืองแร่และอุตสาหกรรมถลุงหรือแต่งแร่ มีความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของประชาชนว่า ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยเฉพาะประเด็นปัญหาด้านการสื่อสารผ่านผู้นำชุมชน ซึ่งน่าจะมีผลต่อความเข้าใจในรายละเอียดของโครงการ เนื่องจากประชาชนในพื้นที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และวัตถุประสงค์ในการจัดประชาคมหมู่บ้าน ก็ให้ความสำคัญกับความต้องการของประชาชนมากกว่าการให้ข้อมูลและรายละเอียดที่จำเป็นของโครงการจึงย่อมทำให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นโดยไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของตนเอง

แนะเยียวยากลุ่มชาติพันธุ์กระทบจากเหมืองแร่อมก๋อย 

ดังนั้นการดำเนินการกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อประกอบการจัดทำรายงาน EIA ไม่สอดคล้องกับสิทธิในการมีส่วนร่วมของประชาชน และชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่บัญญัติรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 และ 2560 และไม่เป็นไปตามองค์ประกอบสำคัญของการจัดการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความหมายอย่างแท้จริง ตามแนวทางที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กำหนดไว้

กสม.มีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสม ในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน และมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ 2 ส่วนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ให้สผ.ควรนำรายงาน EIA โครงการทำเหมืองแร่ถ่านหินเสนอต่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงาน EIA ด้านเหมืองแร่และอุตสาหกรรมถลุงหรือแต่งแร่ เพื่อทบทวนรายละเอียดในส่วนของการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีข้อบกพร่อง โดยให้คำนึงถึงสิทธิของชุมชนในการมีส่วนร่วมในการจัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติรับรองไว้

ในกรณีที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ เห็นชอบกับรายงาน EIA และเห็นว่าเมื่อมีการประกอบกิจการเหมืองแร่ถ่านหินแล้ว เกิดผลกระทบทางลบต่อประชาชน ชุมชน สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ พึงกำหนดให้บริษัทเอกชนผู้ขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ มีแผนเยียวยาความเดือนร้อนหรือเสียหายให้แก่ประชาชนหรือชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม และได้สัดส่วนกับความเดือดร้อนหรือเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

 

นอกจากนี้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ควรเร่งทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการรับฟังความเห็นของชุมชนตามพ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560 เพื่อลดความกังวลของประชาชนในพื้นที่ โดยให้ประชาชนได้รับทราบถึงวิธีการให้ข้อมูลและการรับฟังความคิดเห็น โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่เพียงพอเหมาะสมแก่การเข้าถึงข้อมูล และพึงดำเนินการให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียได้รับข้อมูลของโครงการล่วงหน้าเป็นเวลาเพียงพอที่จะสามารถเข้าใจเนื้อหาสาระ และสามารถให้ความเห็นต่อโครงการอย่างเป็นประโยชน์ได้ โดยดำเนินการภายใน 180 วั นับแต่วันที่ได้รับรายงาน

สำหรับข้อเสนอต่อกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ควรนำหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGPs) แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน แนวนโยบายแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญในเรื่องพลังงาน และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในกรอบสหประชาชาติ มาใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาประกอบการอนุญาตออกประทานบัตรเหมืองแร่ถ่านหิน ซึ่งเป็นโครงการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเชิงธุรกิจ อันอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน เพื่อให้เกิดประโยชน์และเป็นธรรม

หากท้ายที่สุดแล้วจำเป็นต้องมีการอนุญาตให้สัมปทานแก่เอกชน เข้าทำเหมืองแร่ถ่านหินกรมป่าไม้ และกระทรวงมหาดไทย ควรต้องร่วมกันพิจารณาแนวทางการคุ้มครองวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงให้มีพื้นที่ทำกินอย่างเพียงพอและเหมาะสมในการดำรงชีวิตตามวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตดั้งเดิม 

 

นายวัส กล่าวอีกว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และ 2560 รับรองให้บุคคลและชุมชนมีสิทธิจัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน โครงการพัฒนาในทุกพื้นที่จึงจำเป็นต้องอาศัยกระบวน การมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงเพื่อให้การดำเนินกิจกรรมทุกอย่างเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน และให้ความคุ้มครองแก่กลุ่มชาติพันธ์ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่เสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน

สำหรับกรณีนี้ กสม. เห็นว่า ประชาชนในอ.อมก๋อย  ถูกละเมิดสิทธิการมีส่วนร่วมในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเหมืองแร่ถ่านหิน จึงได้มีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาโดยเร็วต่อไป 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ชาวอมก๋อย" บุกเวทีรับฟังความเห็นเหมืองแร่ถ่านหิน

แกนนำต้านเหมืองแร่ อ.อมก๋อย ถูกฟ้อง

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง